ข่าวการเมือง

ประวัติ พลอย ณัฐธิดา หลานเนวิน ลงสนามการเมืองบุรีรัมย์ สาวน้อยวัย 25 ดีกรีไม่ธรรดา

ประวัติ พลอย ณัฐธิดา หลาน ‘เนวิน ชิดชอบ’ ลงสมัคร สส.บุรีรัมย์ เขต 2 พรรคภูมิใจไทย สู้สนามการเมืองบุรีรัมย์ ดีกรีไม่ธรรมดา เด็กทันตแพทย์วัย 25 ปี

หากเอ่ยถึงเมืองหลวงทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย คงหนีไม่พ้นจังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้การนำของครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ผู้พลิกโฉมเมืองรองให้กลายเป็นเมืองหลักที่น่าจับตามอง ทั้งในแง่การกีฬาและการพัฒนาจนสามารถครองใจคนในพื้นที่และกวาดเก้าอี้ สส. ได้ครบทั้ง 10 เขตแบบยกจังหวัดในสมัยที่ผ่านมา

การรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา บรรยากาศไม่ได้มีเพียงความเข้มข้นของการช่วงชิงพื้นที่เท่านั้น แต่กลับมีสีสันใหม่ที่ทำให้โลกโซเชียลและคอการเมืองต้องหยุดโฟกัส กรณีพรรคภูมิใจไทยตัดสินใจส่งคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีดีกรีไม่ธรรมดาลงชิงชัยจนกลายเป็นกระแสไวรัลที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในขณะนี้

ท่ามกลางผู้สมัครรุ่นเก๋า สายตาของสื่อมวลชนหลายสำนักจับจ้องไปที่ พลอย ณัฐธิดา เล็กอุดากร สาวน้อยวัยเพียง 25 ปี ที่พกพาความมั่นใจและรอยยิ้มพิมพ์ใจมายื่นใบสมัครเป็น สส.บุรีรัมย์ เขต 2 ในนามพรรคภูมิใจไทย การปรากฏตัวของเธอครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงการผลัดใบและการเติมเลือดใหม่เข้าสู่สภาของขั้วอำนาจเก่า

ประวัติ พลอย ณัฐธิดา หลานเนวิน ลงสนามการเมืองบุรีรัมย์

พลอย ณัฐธิดา หรือ น้องพลอย คือ ลูกสาวของ นายภูษิต เล็กอุดากร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ อดีตสจ.บุรีรัมย์และเป็นขุนพลข้างกายในกลุ่มเพื่อนเนวินมาอย่างยาวนาน และ มีศักดิ์เป็นหลานสาวของครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ผู้ทรงอิทธิพลแห่งเมืองปราสาทหิน

เธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) สะท้อนภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองระดับชาติด้วยวัยเพียง 25 ปี

เนวิน ชิดชอบ
ภาพจาก Facebook : ลุงเนวิน

สำหรับสถานการณ์การหาเสียงเลือกตั้งในปี 2569 นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย แจงเหตุผลไม่ขึ้นดีเบต ขณะที่แคนดิเดตนายกของพรรคอื่น ๆ ร่วมการขึ้นดีเบตเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ทางการเมืองให้ได้เห็น เจ้าตัวไม่รับเชิญไปเวทีดีเบตเนื่องจากในฐานะนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องบริหารสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ทำให้ไม่สามารถนำเสนอข้อมูลใด ๆ ที่กระทบต่อการทำงานของกองทัพและส่วนราชการที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชน

นอกจากนี้ตนยังมีหน้าที่ที่ต้องบริหารราชการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ การให้สัมภาษณ์ในรายการต่าง ๆ อาจส่งผลกระทบต่องานราชการ

นอกจากเหตุผลในฐานะนายกรัฐมนตรีแล้ว นายอนุทินยังมีเหตุผลส่วนตัว เพราะไม่สบายใจกับบรรยากาศการดีเบต มีการสร้างวาทกรรมโจมตี ประกอบกับการต้องพูดในเวลาสั้น ๆ อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้

ข้อมูลจาก : bhumjaithai

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

sukanlaya s.

นักเขียนบทความ SEO ประจำเว็บไซต์ The Thaiger จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชี่ยวชาญงานเขียนประเภท ข่าวกระแสสังคม และบทความไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รีวิวที่เที่ยว เทรนด์แฟชั่นและความงาม พร้อมแนะนำกระแสมาแรง ทันเหตุการณ์ ช่องทางติดต่อ ying@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button