“สส.พรรคส้ม” สับ รัฐบาล นิ่งปัญหา PM 2.5 ทำ ปชช. เสี่ยงมะเร็งปอด

ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.พรรคประชาชน วิจารณ์รัฐบาล นิ่งปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทำประชาชนเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด จี้มาตรการต้องเสร็จตั้งแต่ตุลา
นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส. เชียงใหม่ พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลถึงปัญหา PM 2.5 โดยระบุว่า “ฝุ่นพิษ PM2.5 เริ่มแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ขยับ “รัฐบาลกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดจากฝุ่นพิษให้กับประชาชน โดยที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย”
หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคกลางและกรุงเทพมหานคร กำลังเผชิญปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 จากภาคคมนาคม/อุตสาหกรรม และฝุ่นพิษจากภาคเกษตรกรรม โดยที่รัฐบาลไม่มีมาตรการที่จับต้องได้ออกมาบังคับใช้ ทั้งเชิงสนับสนุนและเชิงบังคับ ทั้งๆที่ปัญหานี้ผมและพรรคประชาชนได้อภิปรายต่อรัฐบาลไปแล้วอย่างชัดเจน
เริ่มกันก่อนครับ ฝุ่นพิษ PM2.5 กทมและปริมณฑล ที่แค่เริ่มต้นก็ทะลุ 100 AQI แล้วนั้นมาจากไหน?
(1) ฝุ่นพิษจากภาคคมนาคม/อุตสาหกรรม จากข้อมูลจากดาวเทียม Sentinel-5 ในส่วนของข้อมูลการปล่อย NO2 แล้วจะเห็นชัดเจนครับว่า พื้นที่กทมและจังหวัดโดยรอบ มีการปล่อยมลพิษชนิดนี้สูงมาก ๆ เรียกได้ว่ามีค่าโดดออกมาเห็นชัดแทบที่สุดในระดับภูมิภาค ซึ่งสรุปในเบื้องต้นได้ว่าหลัก ๆ มาจากเครื่องยนต์และมีภาคอุตสาหกรรมรองลงมา
(2) จากการเผาภาคการเกษตร ตรงนี้เห็นชัดเจนจากจุดความร้อนของนาซ่าในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา และภาพถ่ายพื้นที่จากดาวเทียม Sentinel-2 ในเช้าวันที่ 1 ธ.ค.นี้ พบว่าเป็นการเผาในพื้นที่ปลูกนาข้าวค่อนข้างเยอะ เพราะช่วงเวลานี้ หลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว เกษตรกรจะเร่งรอบในการปลูกข้าวนาปรัง ด้วยการเผาตอซังข้าว เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ได้เร็วที่สุดครับ
(3) ฝุ่นจากข้อ 1 และ 2 หนาแน่นขึ้นเพราะสภาพภูมิอากาศในช่วงนี้ ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคกลางมีอัตราการระบายอากาศที่แย่มาก คิดง่าย ๆ ให้เห็นภาพคือ ประเทศเราตอนนี้เหมือนมีฝาชีที่กดต่ำลงมามากกว่าปกติ ทำให้ฝุ่นลอยขึ้นไปได้ไม่สูง ปริมาตรการเก็บฝุ่นน้อยลง ความหนาแน่นก็เพิ่มมากขึ้น เราก็สูดฝุ่นเข้าไปมากขึ้นนั่นเองครับ
ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ผมอภิปรายมาหลายต่อหลายปีว่า การทำงานป้องกันปัญหาฝุ่นพิษต้องทำหนักที่สุดในช่วง “ก่อน” ที่จะเกิดฝุ่น แต่ก็ยังคงถูกเพิกเฉยมาทุกๆปี ซึ่งปีนี้ก็ไม่ต่าง
(1) ไม่มีมาตรการออกมาบังคับใช้กับเรื่องการจัดการรถ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งชั้น Low emission zone จากพื้นที่จังหวัดโดยรอบกทม มาจนถึงกทมชั้นใน มีเพียงการทำมาตรการจากกทมเพียงหน่วยงานเดียว ซึ่งแน่นอนว่าไม่เพียงพอต่อการจัดการปัญหานี้ เพราะเป็นการใช้พรบ.ปภ.ที่กทมกำหนดเกณฑ์การประกาศใช้ low emission zone สูงเกินไปทำให้บังคับใช้จริงได้ยาก และในส่วนนี้รัฐบาลต้องเป็นคนจัดการเพราะมันต้องทำเป็นระบบที่กว้างกว่าเพียงแค่กทมจังหวัดเดียว ในส่วนนี้ผมได้อภิปรายต่อรัฐบาลไปแล้วตั้งแต่วันแถลงนโยบายสิ้นเดือนกันยายน รวมถึงมาตรการการกำหนดมาตรฐานที่เข้มข้นขึ้นสำหรับการปล่อยมลพิษภาคอุตสาหกรรมเฉพาะพื้นที่กทมและปริมณฑลนี้ตามหลักการ Non-attainment area ด้วย #แต่ก็ไม่มีการดำเนินการจากรัฐเลย
และ (2)ในส่วนภาคเกษตรกรรมยิ่งแล้วใหญ่ แม้ว่าเรารู้อยู่แล้วว่าต้องเตรียมรับมือกับการเผาภาคการเกษตรก่อนฤดูการปลูกนาปรัง และหลังเก็บเกี่ยวอ้อยในช่วงปลายปีและต้นปี แต่มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีมาตรการใด ๆ ออกมาเลย คำของบกลางจากกระทรวงเกษตร แต่ละหน่วยงานแต่ละกรมได้เตรียมคำขอกันมาแล็วเสร็จช่วงต้นเดือนพ.ย. ซึ่งช้ามากแล้ว มาถึงตอนนี้ธันวาคมก็ยังไม่เข้าประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติงบเลย จากที่ผมบอกรัฐบาลว่าส่วนนี้ต้องเสร็จภายในเดือนตุลาคม เพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นใจและรับรู้ถึงแนวทางการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ชัดเจนว่า หากเขาไม่เผา เขาจะได้อะไร และมีวิธีการอย่างไรในการที่ช่วยให้เขาไม่เผาบ้าง ซึ่งในส่วนของข้าว ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรมีจุลินทรีย์ย่อยสลายตอซัง ที่สามารถจัดการเศษวัสดุได้ภายใน 5-7 วันครับ ไม่ต้องเผาเลย และการทำแบบนี้ยังมีผลการศึกษาชัดเจนว่า ทำให้นาข้าวได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นด้วย แม้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 100 บาทต่อไร่ แต่ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้เกษตรกรได้กำไรมากกว่าการเผาด้วยซ้ำ แต่รัฐบาลกลับเชื่องช้าไม่ดำเนินการใดๆ ปล่อยให้ประชาชนสูดฝุ่นจากการเผาและปล่อยให้เกษตรกรกลายเป็นผู้ร้ายในสังคมแบบนี้ต่อไป รวมถึงมาตรการสนับสนุนเกษตรกรไม่เผา ก็ยังไม่มีการเคาะตัวเลขออกมาจากคณะรัฐมนตรีให้เกษตรกรวางแผนต้นทุนล่วงหน้าอีกต่างหาก
มาตรการการป้องกันฝุ่นพิษต้องทำเสร็จตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคมแล้ว แต่มาถึงตอนนี้ รัฐบาลยังไม่มีมาตรการใด ๆ ออกมาบังคับใช้ที่เห็นผลเลย ถ้าหากรัฐบาลทำงานเต็มที่ ออกมาตรการจัดการทุกอย่างชัดเจน แต่เกิดเหตุแปรปรวนทางสภาพภูมิอากาศ การระบายอากาศแย่สุดเป็นประวัติศาสตร์จริง ๆ แบบนี้ผมเข้าใจได้ครับ แต่ผมไม่สามารถรับได้ กับการที่รัฐบาลไม่มีมาตรการใด ๆ ออกมา ทั้ง ๆ ที่รู้ปัญหาอยู่แล้ว และผมก็ได้สะท้อนปัญหานี้อย่างชัดเจนไปทุกช่องทางหลายต่อหลายครั้งแล้วแบบนี้ได้เลย
นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ยังไม่ได้พูดถึงอ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไฟป่า และมลพิษจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่รัฐบาลชุดนี้ทำเพียงแต่ประชุม โดยที่ไม่มีผลลัพธ์ออกมาแก้ปัญหาเลย
การทำงานของรัฐบาลตอนนี้ ไม่ต่างอะไรเลย กับการปล่อยให้ประชาชนเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดมากขึ้น โดยที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วิกฤตฝุ่นพิษ PM 2.5 กทม. แดงเถือก 50 เขต หนองแขมแชมป์ทะลุ 100 ไมโครกรัม
- กรมควบคุมมลพิษ เริ่มใช้ Cell Broadcast แจ้งเตือนภัยพื้นที่เสี่ยงฝุ่น PM 2.5
- ฝุ่น PM 2.5 กลับมาแล้ว กทม. 48 เขต มีค่าฝุ่นระดับสีแดง เกินมาตรฐาน
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





