ข่าว

สส.แพร่ลงพื้นที่ เคลียร์ดราม่าครูนึดเสื้อกันหนาวเด็ก ด้านรร.เตรียมปรับปรุงกฎการแต่งกาย

ภาคต่อดราม่าครูยึดเสื้อกันหนาวเด็กนักเรียน ล่าสุด สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้านผู้บริหารโรงเรียนเตรียมปรับปรุงกฎการแต่งกายใหม่

กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนในวันนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ที่ครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดแพ่ ยึดเสื้อกันหนาวนักเรียนโดยอ้างว่าผิดกฎการแต่งกายของโรงเรียน ทั้งที่อุณหภูมิในวันนั้นอยู่ที่ 9-10 องศาเซลเซียส

แน่นอนว่าข่าวดังกล่าวกระแสดราม่าในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้นางพรรณี แสงสันต์ เลขานุการ ส.ส. พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่พูดคุยหาข้อเท็จจริงกับนักเรียนที่เกี่ยวข้อง

จากการลงพื้นที่ ทีมงานได้สอบถามนักเรียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมมอบเสื้อกันหนาว ชุดพละ และถุงเท้าให้กับนักเรียนที่เป็นกระแสข่าว นอกจากนี้ยังได้ประสานเข้าพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียน เพื่อร่วมกันหาทางออกและใช้เป็นกรณีศึกษา

ด้านผู้บริหารโรงเรียน เปิดเผยว่า เพิ่งได้รับข้อมูลอย่างเป็นทางการในช่วงเที่ยงของวันเดียวกัน จึงได้เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายครูและฝ่ายนักเรียนมาพูดคุยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยโรงเรียนได้กล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าจะปรับกฎระเบียบให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยคำนึงถึงสภาพอากาศและความจำเป็นของนักเรียนเป็นหลัก

ผู้บริหารยังระบุถึงข้อกังวลในมุมของโรงเรียนว่า หากปล่อยให้มีความแตกต่างของการแต่งกายโดยไม่กำกับ อาจทำให้เกิดการแข่งขันฟุ่มเฟือยในกลุ่มนักเรียน และเป็นภาระต่อผู้ปกครองที่มีความพร้อมแตกต่างกัน ดังนั้นการรักษาระเบียบพื้นฐานจึงยังจำเป็น แต่จะผ่อนปรนตามความเหมาะสม

สำหรับเหตุการณ์ยึดเสื้อกันหนาว ครูฝ่ายปกครองยืนยันว่าทำไปตามระเบียบ แต่หากนักเรียนแจ้งเหตุผลหรือขออนุญาต ครูก็พร้อมอนุโลมและคืนของให้ได้ทันที

ท้ายที่สุด เมื่อทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยทำความเข้าใจแล้ว ถือว่าประเด็นต่าง ๆ ได้คลี่คลายลง โรงเรียนยืนยันว่าจะสนับสนุนนักเรียนเต็มที่ เพื่อให้มุ่งมั่นเรียนต่อจนถึงเป้าหมายในระดับมหาวิทยาลัย

ส.ส.วรวัจน์ฯ ขอให้เหตุการณ์นี้ยุติลง และทางทีมงานจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำไปถอดบทเรียน เสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนานโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงต่อไป

นางพรรณี แสงสันต์ เลขานุการ ของส.ส.วรวัจน์ เองก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “(สีเสื้อถูกต้อง – สีเทาซีด) วันนี้ขอเล่าเรื่องหนึ่งที่ได้ไปพบด้วยตัวเองให้สังคม ได้รับทราบค่ะ”

“ดิฉันนางพรรณี แสงสันต์ เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย (อ.ลอง อ.วังชิ้น อ.เด่นชัย อ.สูงเม่น บ้านปง หัวฝาย ) ได้รับมอบหมายให้ติดตามและดูแลเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามโพสต์ Facebook ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนโรงเรียนดังใน จังหวัดแพร่และเกิดขึ้นกับเด็ก ที่อยู่ในพื้นที่ตำบลเวียงต้า อำเภอลอง จังหวัดแพร่”

“เป็นเรื่องของเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.6 แผนวิทย์–คณิต เรียนดี ที่กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามความฝันของตัวเอง แต่กลับต้องเจอสถานการณ์ที่ทำให้หวาดกลัวและร้องไห้ทั้งคืน ทั้งที่เป็นช่วงสำคัญของชีวิตการเรียน”

“น้องเติบโตมากับคุณตาอายุ 78 ปี และคุณยายอายุ 68 ปี ฐานะยากจน แต่ทั้งตา-ยายก็พยายามส่งหลานเรียนในโรงเรียนชื่อดังของจังหวัด เพื่อเปิดโอกาสให้หลานได้เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย และมีอนาคตที่ดีขึ้น”

“ผู้โพสต์เป็นน้าสาวของน้อง และ อยู่ต่างจังหวัดได้ให้ดิฉันเป็นผู้ดูแลและประสานกับทางโรงเรียนด้วยเพราะคุณตาคุณยายอายุมากแล้วไม่สามารถที่จะเดินทางมารับทราบเรื่องราวจากหลานสาวได้ ดิฉันได้ไปพูดคุยและรับฟังข้อเท็จจริงจากน้องนักเรียนโดยตรง”

“เมื่อไปถึง น้องมีอาการหวาดกลัว ร้องไห้ และเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 อากาศหนาว 13 องศา ลมแรง น้องมีเสื้อกันหนาวของโรงเรียนเพียงตัวเดียว แต่เสื้อตัวนั้นโดนก๋วยเตี๋ยวหกใส่น้องจึงรีบซักตอนกลางคืน แต่พอเช้าขึ้นมา เสื้อยังไม่แห้ง”

“น้องไม่อยากผิดระเบียบ จึงยืมเสื้อของเพื่อนในหอพัก ซึ่งเป็นเสื้อสีเทาซีด ๆ ซึ่ง น้องคิดว่าเรียบร้อยที่สุดแล้ว น้องคิดเพียงว่า “ไม่อยากทำผิดกฎ” และอยากให้ดูเรียบร้อย จึงใส่มาเข้าแถว”

“แต่พอเข้าแถว ครูฝ่ายปกครองให้ถอดเสื้อทันที บอกว่า “ผิดระเบียบ” ทั้งที่เด็กคนอื่นก็มีใส่เสื้อสีฉูดฉาดปะปนอยู่ในแถวเช่นกัน”

“วันนั้นอากาศหนาวจัด แต่น้องต้องนั่งเรียนทั้งวันด้วยเสื้อบาง ๆ ตัวเดียว ตัวสั่น หนาวจนมือเย็นทั้งวัน กว่าจะเลิกเรียนถึงได้เสื้อคืน”

“เมื่อเราคุยกับโรงเรียน มีท่านผู้อำนวยการ ท่านรองผู้อำนวยการ อาจารย์ฝ่ายปกครอง อาจารย์ประจำชั้น และผู้สื่อข่าวแพร่ข่าว 2ท่าน ท่านรองผู้อำนวยการได้อธิบาย ว่าเป็นระเบียบของโรงเรียน และบอกว่า “วันนั้นไม่ได้หนาวขนาดนั้น” ซึ่งฟังแล้วสะเทือนใจ เพราะคนที่ทำงานด้านการศึกษาควรเข้าใจความเดือดร้อนของเด็กเป็นอันดับแรก”

“ดิฉันเพียงถามกลับไปว่า ถ้าใช้กฎ ควรใช้กับทุกคนหรือไม่? การลงโทษเด็กไม่ควรทำให้เด็กเสี่ยง อันตรายหรือเจ็บป่วยใช่ไหม? โรงเรียนควรเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ที่ทำให้เด็กกลัวจนคิดจะออกจากระบบการศึกษา”

“ท่านผู้อำนวยการได้กล่าวขอโทษ และรับปากว่าจะดูแลน้องให้เรียนจนจบ ม.6 โดยไม่มีประวัติเสียหายใด ๆ แต่เหตุการณ์นี้ควรเป็นบทเรียนว่า…”

“กฎระเบียบสำคัญ แต่ “ความเป็นมนุษย์” สำคัญกว่า ครูควรสอนด้วยเมตตา ไม่ใช่ความกลัว และการยึดเสื้อกันหนาวเด็ก ม.6 ในวันที่หนาว 13 องศา คือสิ่งที่ไม่ควรเกิดกับเด็กคนใด”

“น้องเป็นเด็กเรียนดี ตั้งใจเรียนสูง และมีความฝันอยากเข้ามหาวิทยาลัย แต่กลับถูกทำให้รู้สึกผิด ทั้งที่เรื่องทั้งหมดเกิดจากความจำเป็นและความยากจนที่ไม่มีใครอยากให้เกิด”

“ขอให้สังคมช่วยส่งกำลังใจให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออนาคตของตัวเอง และขอให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดกับลูกหลานของใครอีก”

“เด็กทุกคนควรได้รับความเมตตา ความเข้าใจ และความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกันค่ะ”

อ้างอิง : 1 , 2

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Bas

ผู้สื่อข่าวกีฬา จบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีประสบการณ์เขียนข่าวกีฬากับ SMMSport กว่า 10 ปี เริ่มทำงานกับ Thaiger เมื่อ 2021 ชอบและติดตามกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะฟุตบอลทั้งบอลไทย และต่างประเทศ 5 ลีกดังของโลก พร้อมอัปเดตข่าวสารวงการฟุตบอล แบบเข้าใจง่าย ให้เพื่อนๆและแฟนบอลได้ติดตามกันทุกวัน ช่องทางติดต่อ saral@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button