ข่าว

รัฐบาล ร่วมลงนาม MOU ประกาศทำสงครามกับสแกมเมอร์ ปราบสิ้นซาก

รัฐบาล ร่วมลงนาม MOU ประกาศทำสงครามกับสแกมเมอร์ เล็งปราบให้สิ้นแผ่นดินไทย เดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้านหลัก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือกลุ่มสแกมเมอร์

โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงจาก 15 เครือข่ายภาครัฐที่ร่วมลงนามใน MOU ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย และ หลังจาก นายกรัฐมนตรี รับฟังการแถลงมาตรการ และ ผลงานของ 8 หน่วยงานแล้ว ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU พร้อมประกาศสงครามกับสแกมเมอร์

“ในนามของรัฐบาล ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รวมพลังกันมาลงนาม ในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ สิ่งที่ลงนามในวันนี้ไม่ใช่เป็นแต่เพียง “เอกสาร” แต่คือ “อาวุธ” ที่จะใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรอย่างเป็นระบบ เพราะนี่คือ “วาระแห่งชาติ” ไม่ใช่ภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นภารกิจ ร่วมกันของทั้งประเทศ” นายอนุทิน กล่าว

รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ทั้งงบประมาณเทคโนโลยี และนโยบาย เพื่อให้การทำงานครั้งนี้ เห็นผลจริงในระยะสั้น และยั่งยืนในระยะยาวเพื่อประเทศไทยจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสแกมเมอร์ และเป็นดินแดนต้องห้ามของอาชญากรรม ทุกรูปแบบตลอดไป

โดย MOU มีจุดประสงค์เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้านหลัก คือ

1. บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำความผิด หรือผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
2. สร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรอง และการสืบสวน
3. ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันที ตัดเส้นทางการเงิน อาชญากรไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินอีกต่อไป
4. ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและ AI ในการตรวจจับเส้นทางเงินและพฤติกรรมของมิจฉาชีพ เพื่อสกัดก่อนเกิดเหตุ และ
5. ที่สำคัญ คือ การสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน ส่งเสริมความรู้เท่าทัน และการแจ้งเบาะแส เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา และเป็นส่วนหนึ่งของทีมไทยแลนด์ในสงครามครั้งนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button