เจอร้านทุจริต รับแลกเงิน “คนละครึ่งพลัส” หัก % แจ้ง 4 ช่องทางนี้ เอาผิดได้

แนะช่องทางแจ้งทุจริต ร้านค้ารับแลกเงิน คนละครึ่งพลัส เร็วสุดโทร 02-111-1111 (กรุงไทย) และ 1441 (ตำรวจไซเบอร์) รัฐชี้โทษหนักจำคุก 3 ปี
หลังจากที่โครงการ คนละครึ่งพลัส เริ่มใช้วันแรก 29 ตุลาคม 2568 และกำลังเป็นที่สนใจของประชาชนเป็นจำนวนมาก อาจมีผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสนี้ หากประชาชนท่านใดพบเห็นร้านค้าในเฟซบุ๊กประกาศ รับเติมเงินคนละครึ่งพลัส หรือ แลกสิทธิเป็นเงินสด โดยมีการหักเปอร์เซ็นต์ส่วนต่าง รัฐบาลได้ยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวถือว่าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน
รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เน้นย้ำว่า การ “ขายสิทธิ” หรือ “แลกเงินสด” โดยไม่มีการซื้อ-ขายสินค้าจริงนั้น เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และมีโทษปรับ (สูงสุด 60,000 บาท) ไม่เพียงเท่านั้น ร้านค้าที่ร่วมกระทำผิดจะถูกตัดสิทธิและระงับการใช้งานแอปฯ ถุงเงินทันที
แนะนำช่องทางแจ้งทุจริต แลกเงิน คนละครึ่งพลัส
สำหรับประชาชนที่พบเห็นการกระทำผิด สามารถช่วยกันแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่ได้ 4 ช่องทางหลัก ช่องทางแรกที่ถือว่าเร็วที่สุดและควรแจ้งเป็นอันดับแรก คือการโทรแจ้งธนาคารกรุงไทย ที่หมายเลข 02-111-1111 ซึ่งสามารถโทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแจ้ง “อายัดร้านถุงเงิน” ที่ทุจริตโดยตรง ธนาคารจะรับเรื่องและส่งต่อให้ทีมตรวจสอบโครงการของรัฐทันที
ช่องทางที่สอง คือการแจ้งตำรวจไซเบอร์ ที่หมายเลข 1441 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือแจ้งความออนไลน์ที่ thaipoliceonline.com เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับโพสต์, บัญชีเฟซบุ๊ก หรือบัญชีโอนเงินที่ใช้ในการหลอกขายสิทธิ

ช่องทางที่สาม คือศูนย์บริการภาครัฐ โทร 1111 หรือยื่นเรื่องผ่านเว็บไซต์ 1111.go.th เพื่อให้มีการลงรับเรื่องอย่างเป็นทางการ ทำให้สามารถใช้ติดตามความคืบหน้าได้
ช่องทางสุดท้าย คือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โทร 1166 หากพบการ “คิดค่าธรรมเนียม” หรือ “ตัดเปอร์เซ็นต์” ที่เข้าข่ายการเอาเปรียบผู้บริโภค

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วิธีหาร้าน “คนละครึ่งพลัส” ใกล้ฉัน เช็กได้ที่เว็บ-แอปเป๋าตัง
- จับจริง 3 สาวแสบ เปิดเพจรับแลกสิทธิ์ คนละครึ่งพลัส เป็นเงินสด ฟันหัวคิว 10-20%
- วิธีสร้าง QR รับเงินคนละครึ่งพลัส แอปฯ ถุงเงิน สำหรับร้านค้า ทำตามนี้เงินเข้าแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ในช่องทางต่าง ๆ ประชาชนควรเตรียมหลักฐานสำคัญไว้ให้พร้อมเสียก่อน ได้แก่ ลิงก์โพสต์ หรือ โปรไฟล์เฟซบุ๊ก ที่รับแลกเงิน (พร้อมแคปหน้าจอ), ข้อความแชตที่มีการเสนอส่วนแบ่งหรือเปอร์เซ็นต์ที่หัก, ชื่อร้านค้าหรือเลขทะเบียน “ถุงเงิน” (หากทราบ) และสลิปการโอนเงิน หรือ เลขบัญชี/พร้อมเพย์ ของปลายทาง
สุดท้ายนี้ ทางการยังได้ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังเรื่อง ลิงก์ปลอม ที่มิจฉาชีพมักสร้างขึ้นมาเพื่อแอบอ้างโครงการ ขอเน้นย้ำว่า ห้ามกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือโอนเงินมัดจำใด ๆ ในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของธนาคารกรุงไทย หรือ เว็บไซต์ทางการของโครงการโดยเด็ดขาด
ข้อมูลจาก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





