ข่าว

ทักษิณ เสียใจ ไม่มีโอกาสกราบพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง

“แพทองธาร” เผยหลังเข้าเยี่ยม “ทักษิณ” ที่เรือนจำคลองเปรม ระบุพ่อสุขภาพโอเคแต่มีเครียดบ้าง พร้อมฝากบอกว่าเสียใจอย่างมาก ที่ไม่มีโอกาสไปกราบพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง เพราะเคยถวายงานรับใช้มาหลายปี

27 ตุลาคม 2568 ที่เรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพมหานคร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการเข้าเยี่ยมครั้งที่ 11 นับตั้งแต่นายทักษิณถูกคุมขังเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา

นางสาวแพทองธารและสามีเดินทางมาด้วยรถตู้ส่วนบุคคล ยี่ห้อ Lexus สีดำ โดยทั้งคู่แต่งกายด้วยชุดสีดำ เพื่อร่วมไว้ทุกข์ต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก่อนเข้าเรือนจำ ทั้งสองได้ทักทายกลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดเชียงใหม่ที่มารอให้กำลังใจ พร้อมร่วมถ่ายภาพด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ที่เรือนจำกลางคลองเปรม
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วยสามี เดินทางไปเยี่ยม นายทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกฯ / แฟ้มภาพ

ระหว่างนั้น ได้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อยเมื่อชายสูงวัยซึ่งพิการจากการถูกยิงขณะร่วมชุมนุมทางการเมืองในอดีต ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือจากนางสาวแพทองธาร เพื่อติดตามเงินเยียวยาหลักแสนบาทที่เคยยื่นเรื่องไว้สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งนางสาวแพทองธารได้รับฟังและมอบหมายให้ทีมงานรับเรื่องไปดำเนินการต่อ โดยมีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ร่วมเข้าเยี่ยมด้วย

ภายหลังการเข้าเยี่ยมประมาณ 30 นาที นางสาวแพทองธาร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า สุขภาพของคุณพ่อโดยรวมโอเค แต่ก็มีอาการเครียดอยู่บ้าง สิ่งสำคัญที่คุณพ่อฝากบอกคือ ท่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีโอกาสได้ไปกราบพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง เพราะในอดีตคุณพ่อเคยมีโอกาสถวายงานรับใช้มาหลายปี ส่วนรายละเอียดการพูดคุยเรื่องการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนั้น เป็นเรื่องที่คุยกันภายในครอบครัว ก่อนที่นางสาวแพทองธารและสามีจะขึ้นรถเดินทางออกจากเรือนจำไป

ย้อนความยิ่งใหญ่ “ทักษิณ” กับการจัดงาน พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อันยิ่งใหญ่

ย้อนกลับไป รัฐบาลรักษาการของนายทักษิณ ชินวัตร และประชาชนชาวไทยทุกภาคส่วน เคยร่วมรับใช้เบื้องพระยุคลบาท จัดพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พระราชพิธีสำคัญเริ่มต้นในเช้าวันที่ 9 มิถุนายน 2549. เวลา 10.19 น. พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปยังพลับพลาพิธี บริเวณข้างพระที่นั่งอนันตสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์โดยเสด็จฯ อย่างพร้อมเพรียง ทั้งสองพระองค์ทรงประกอบพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช โดยมีพระราชครูวามเทพมุนีเป็นผู้กราบบังคมทูลอ่านประกาศบวงสรวง

ต่อมาเวลา 11.29 น. พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม. ทหารสามเหล่าทัพถวายความเคารพและยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขณะทรงดำรงพระยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ) กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ จากนั้น นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถวายพระพรในนามคณะรัฐมนตรีและประชาชน ประธานรัฐสภาและประธานศาลฎีกาถวายพระพรตามลำดับ หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำรัสตอบแก่พสกนิกร

พระราชอาคันตุกะ ในงานฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี วันที่ 13 มิถุนายน 2549 / แฟ้มภาพ

ในวันต่อมา (10 มิถุนายน 2549) พระราชพิธีดำเนินต่อ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เวลา 17.00 น. ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธี พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการประเคนสัญญาบัตรพัดยศแด่พระสงฆ์ที่ได้รับสมณศักดิ์ใหม่ 69 รูป จากนั้น พระสงฆ์ 99 รูป เจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพร พระราชพิธีสำคัญในวันนั้นคือการเวียนเทียนสมโภชพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรและเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมพิธี

ความยิ่งใหญ่ของพระราชพิธีครั้งนี้ รัฐบาลไทยได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีจาก 25 ประเทศ ในจำนวนนี้ 13 ประเทศ เสด็จฯ มาด้วยพระองค์เองเพื่อร่วมถวายพระพร นอกจากพระราชพิธีในวัง รัฐบาลยังจัดรัฐพิธีสำหรับประชาชน ในค่ำวันที่ 9 มิถุนายน 2549 มีพิธีถวายเครื่องราชสักการะและจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button