เทศบาลปากเกร็ดแจงแล้ว ปมปรับพ่อค้าไก่ปิ้งมหาโหด 1.5 แสนบาท
เทศบาลปากเกร็ดแจงแล้ว ปมปรับพ่อค้าไก่ปิ้งมหาโหด 1.5 แสนบาท เผยเตือนหลายครั้ง แต่กลับเพิกเฉย พร้อมไกล่เกลี่ยเจรจา
จากกรณีที่ พ่อค้าไก่ปิ้ง ภายในซอยอัมพรไพศาล 18 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดนปรับมหาโหด 1.5 แสนบาท สร้างเสียงฮือฮาในสื่อสังคมออนไลน์นั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ได้พูดคุยกับนายอาร์ม วัย 25 ปี พ่อค้าไก่ปิ้งคนดังกล่าวว่า ตนเริ่มขายหมูปิ้ง, ไก่ปิ้ง มา 4 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2563 เมื่อหลายเดือนก่อนมีเจ้าหน้าที่จากเทศบาลเข้ามาตรวจสอบและประเมินว่าตนประกอบกิจการไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น การวางถุงไก่สดไว้ที่พื้น หรือกรณีที่มีลูกจ้างมานั่งเสียบไก่หน้าบ้าน หลังจากได้รับคำเตือนตนก็พยายามปรับปรุงแก้ไข ซึ่งทางเทศบาลให้ตนทำบ่อดักไขมันเพิ่ม หลังแก้ไขแล้วได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบครั้งที่ 2 ก็ไม่ผ่าน ทั้งเรื่องกล่องพัสดุที่ใส่ไก่ไม่ได้คุณภาพ โดยให้คำแนะนำว่าต้องมีตู้แช่อาหารแบบเป็นชั้น และติดตั้งถังดับเพลิงด้วย ตนไม่มีทุนมากพอ จึงตัดสินใจเลิกขายหมูปิ้ง, ไก่ปิ้ง ไปหลายเดือนแล้ว และเปลี่ยนอาชีพมาวิ่งแกร็บแทน
ทางเทศบาลได้เข้ามาตรวจสอบ 2 ครั้ง แต่ไม่เคยเจอตนเลย ส่วนหนังสือแจ้งค่าปรับ เพิ่งส่งมาถึงตนเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือเรียกให้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหา ตนเคยเข้าไปสอบถามทางเทศบาลว่าควรต้องทำอย่างไร เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าหากตนเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาจะต้องเสียค่าปรับซึ่งอาจจะไม่มาก และตนก็คิดว่าค่าปรับดังกล่าวจะเป็นจำนวนเงินที่ตนสามารถจ่ายได้ แต่พอมาทราบว่าต้องจ่ายค่าปรับสูงถึง 159,000 บาท ก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป 1 ปี ตนยังไม่สามารถหารายได้เท่านี้ได้เลย
ตนใช้หน้าบ้านเป็นที่เตรียมของไปขายกับล้างทำความสะอาดเท่านั้น ไม่ได้ขายหน้าบ้าน ส่วนสาเหตุที่ตนถูกร้องเรียนน่าจะมาจากปัญหาลูกจ้างไม่ถูกกับเพื่อนบ้านใกล้เคียง ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร ตอนนี้รู้สึกเครียด อยากขอไกล่เกลี่ยหรือลดค่าปรับลง เท่าที่ทราบไม่ได้มีตนแค่คนเดียว ยังมีลุงกับป้าขายข้าวโพดต้มที่โดนค่าปรับ จำนวนเงิน 90,000 บาท ด้วยอีกราย ตอนนี้ลุงกับป้าได้เดินทางกลับบ้านที่จ.มหาสารคาม เพื่อไปตั้งตัว หลังยังคงตกใจกับค่าปรับจำนวนมากที่เทศบาลเรียกเก็บ
ขณะที่นางปริญดา เชาว์อรัญ รองปลัดเทศบาลนคร ปากเกร็ด รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล นครปากเกร็ด กล่าวว่า เมื่อเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จังหวัดนนทบุรีได้มีการจัดประชุมเกี่ยวกับผู้ประกอบการรายย่อยในเขตพื้นที่ เมื่อมีการพิจารณาเอกสารครบถ้วนและมีมติให้ทางเทศบาลนครปากเกร็ดดำเนินการตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการระดับจังหวัด โดยมีหนังสือตอบกลับมาที่เทศบาลนครปากเกร็ด เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ลงนามโดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี
กรณีของคุณอาร์ม ที่ขายหมูปิ้ง, ไก่ปิ้ง มีความผิด 3 ฐานด้วยกัน ฐานแรกคือการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยไม่ได้รับอนุญาต ผิด พ.ร.บ.สาธารณสุข ตามมาตรา 38 และ มาตรา 72 ซึ่งมีค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 37,500 บาท ต่อมาเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีหนังสือแจ้งให้หยุดประกอบกิจการ แต่ยังคงฝ่าฝืนคำสั่ง ซึ่งต้องถูกปรับตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข มาตรา 45 ประกอบมาตรา 80 ซึ่งมีค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 37,500 บาท รวม 2 ฐาน จะต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 75,000 บาท
ซึ่งต่อมายังดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง และฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข ทำให้ถูกปรับเป็นรายวัน กรณีนี้ทางจังหวัดจึงพิจารณาว่าเหตุที่ฝ่าฝืนดำเนินการโดยที่แจ้งให้หยุดประกอบกิจการก็ไม่ปฏิบัติตามและไม่มาขออนุญาต รวมทั้งยังดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง ทางจังหวัดจึงพิจารณาให้มีค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาทต่อวัน ก็ถูกปรับในส่วนนี้เพิ่ม 28 วัน เป็นจำนวนเงิน 84,000 บาท ยอดรวมทั้งหมด 159,000 บาท ซึ่งค่าปรับในส่วนนี้ทางเทศบาลนครปากเกร็ดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
เทศบาลถือเป็นคนกลางที่จะใกล้ชิดกับประชาชน ทั้งผู้ร้องเรียนและผู้ถูกร้องเรียน ส่วนจังหวัดก็มีหน้าที่พิจารณาฐานความผิดและฐานความรุนแรงว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยหรือไม่ สร้างความเดือดร้อนในวงกว้างหรือในวงแคบ และคณะกรรมการระดับจังหวัดถึงจะมีมติออกมาว่าจะปรับในแต่ละรายเท่าไหร่ การที่ส่งหนังสือให้กับทางผู้ประกอบการ ผู้ถูกร้อง เราจะแจ้งสิทธิ์ว่าสามารถอุทธรณ์ได้หากไม่เห็นด้วย ซึ่งก็จะพิจารณาตามเหตุแห่งความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับ
การที่เทศบาลดำเนินการและมีประชาชนที่ถูกปรับและได้รับความเดือดร้อนด้านการเงิน ทางเทศบาลก็ไม่สบายใจ เพราะว่าเงินจำนวนนี้ถือเป็นเงินจำนวนไม่น้อย แต่อยากขอความเห็นใจว่า ถ้าหากไม่ทำจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะในเมื่อมีผู้ร้อง ผู้ได้รับความเดือดร้อน เทศบาลเป็นคนของประชาชน เป็นข้าราชการก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเองตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งระเบียบกฎหมายมีไว้เพื่อให้บ้านเมืองอยู่กันได้อย่างปกติสุข
เบื้องต้น จากข้อมูลที่ทางเทศบาลนครปากเกร็ดได้รับการร้องเรียนเหตุเดือดร้อนรำคาญ โดยเฉลี่ย 1 ปี มีจำนวน 800 ราย ปีงบประมาณที่ผ่านมา มีประมาณ 500 ราย ที่มีเหตุลักษณะนี้ สามารถดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และสามารถไกล่เกลี่ยได้ประมาณ 485 ราย โดยมี 15 ราย ที่ยังไม่เข้าใจระเบียบกฎหมายและไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งในปัจจุบันทางเทศบาลนครปากเกร็ดเพิ่งมีการปรับลักษณะนี้ 6 รายแรก ทั้งนี้ยินดีที่จะไกล่เกลี่ยและไม่อยากมีปัญหากับประชาชน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- นักการเมืองสวิสฯ ถูกปรับเงินอ่วม 2 แสน เหตุซื้อปืนฉีดน้ำสีชมพู
- คดีพลิก หนุ่มกู้ภัย ถูกแม่ค้าหมูปิ้งโพสต์ประจาน เบี้ยวชักดาบ เตรียมฟ้องกลับ หากไม่ขอโทษ
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





