เกาหลีใต้เผยผลชันสูตร ศพน.ศ.ที่เสียชีวิตในกัมพูชา ไม่พบร่องรอยถูกตัดอวัยวะภายใน

ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยผลชันสูตรเบื้องต้น ยืนยันว่านักศึกษามหาวิทยาลัยที่เสียชีวิตที่กัมพูชา ไม่มีร่องรอยการถูกตัดอวัยวะภายใน เร่งหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
วันนี้ (20 ตุลาคม) ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยว่า จากการชันสูตรพลิกศพนักศึกษามหาวิทยาลัยชายวัย 20 ปี ที่ถูกทรมานและฆาตกรรมในพื้นที่อาชญากรรมของกัมพูชาไม่พบร่องรอยการถูกทำลายหรือตัดอวัยวะภายใน ตามที่มีการสอบถามถึงก่อนหน้านี้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ได้ออกแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า “จากการชันสูตรพลิกศพร่วมกัน ยืนยันว่าไม่พบการทำลายศพตามที่มีการสอบถามกันมาอย่างมากก่อนหน้านี้”
ตำรวจเผยว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงจะถูกสรุปอีกครั้งหลังจากการตรวจทางเนื้อเยื่อ, การตรวจหาสารพิษและยาเสพติดในประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงการพิจารณาจากผลการสืบสวนที่กำลังดำเนินอยู่ในทั้งสองประเทศ โดยในขั้นตอนการชันสูตรมีการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ รวมถึงร่องรอยการทำร้ายจากภายนอกและสภาพของอวัยวะภายในด้วย
คณะเจ้าหน้าที่จากเกาหลีใต้ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ 3 คน, เจ้าหน้าที่สืบสวน และอัยการ รวม 6 คน ได้เข้าร่วมชันสูตรพลิกศพของ นายปาร์ค (นามสมมติ) วัย 22 ปี ที่ศาลาตั้งศพภายในวัดท็อกทลา ในกรุงพนมเปญ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์จากกัมพูชา 6 คน โดยใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง
หลังจากการชันสูตรพลิกศพ ตำรวจเกาหลีใต้และกัมพูชาได้ตกลงที่จะดำเนินการส่งศพของนายปาร์คกลับประเทศอย่างรวดเร็ว โดยศพของเขาถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดแห่งนี้มานานกว่า 2 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม
นายปาร์คเดินทางไปกัมพูชาเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม โดยบอกกับครอบครัวว่าจะไป “เยี่ยมชมงานแสดงสินค้า” แต่เขาถูกกักขังและทรมานในพื้นที่อาชญากรรม หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เวนช์’ ก่อนจะถูกพบเป็นศพภายในรถยนต์ บริเวณภูเขาโบโค ในจังหวัดกำปอต เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม (น้อยกว่าหนึ่งเดือนหลังจากเดินทางไปถึง) โดยตำรวจท้องถิ่นพบร่องรอยการถูกทรมาน เช่น รอยฟกช้ำและบาดแผลบนร่างกายของเหยื่อ
อ้างอิง : www.yna.co.kr
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เหยื่อแก๊งคอลฯ ชาวเกาหลีใต้ เล่านาทีสยอง ในกัมพูชา เผยถูกทุบตีด้วยท่อเหล็ก-ช็อตไฟฟ้า
- เผยตัวเลขน่าตกใจ คนเกาหลีใต้ไปกัมพูชาแล้วไม่กลับประมาณ 2-3 พันคนต่อปี
- เกาหลีใต้ เอาจริง สั่งห้ามไป “ปอยเปต”ใครละเมิด โดนกฎหมายลงโทษ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: