ข่าวการเมือง

30 องค์กรสิทธิมนุษยชน แถลงป้อง “อังคณา นีละไพจิตร” ถูกข่มขู่-คุกคาม

องค์กรสิทธิมนุษยชน ร่วมออกแถลงการณ์ ปกป้อง “อังคณา นีละไพจิตร” หลังถูกข่มขู่ คุกคาม หลังแสดงความเห็นกรณีเหตุขัดแย้งไทย-กัมพูชา

จากกรณีนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กันจอมพลัง” นำรถเครื่องเสียงเข้าไปเปิดเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องบิน F-16 และเสียงโหยหวนของ “ผี”กลางดึกบริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เพื่อกดดันชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่พิพาทในเขตแดนไทย โดยต่อมานางอังคณา นีละไพจิตร และนายสุณัย ผาสุก นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเสมือนเป็นการลบล้างสิ่งที่ทางการไทยและเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ได้ดำเนินการในการจัดการข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชาด้วยดีมาตลอด

อย่างไรก็ตามการแสดงความเห็นโดยสุจริตของนางอังคณาได้นำไปสู่การโจมตีอย่างรุนแรงในสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์บางช่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมุ่งโจมตีความเห็นของคุณอังคณาว่าเป็นผู้ที่ไม่รักชาติ ไม่ปกป้องอธิปไตยของชาติ

และสิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้น อ้างอิงข้อมูลจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม Cross Cultural Foundation (CrCF) คือ มีการการพาดพิงไปถึงกรณีการบังคับสูญหายทนายสมชาย นีละไพจิตร สามีของนางอังคณาซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บริเวณชายแดนกัมพูชาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้แต่อย่างใด เป็นการตอกย้ำซ้ำเติมบาดแผลในจิตใจของคุณอังคณาและครอบครัว

ล่าสุด แถลงการณ์ ปกป้องนางอังคณา นีละไพจิตร ผู้ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ระบุ

ตามที่มีการข่มขู่คุกคามนางอังคณา นีละไพจิตร และนายสุณัย ผาสุก นักปกป้องสิทธิมนุษยชนว่า บุคคลทั้งสองเป็นผู้ไม่รักชาติเข้าข้างกัมพูชา ทั้ง ๆ ที่มีการทำร้ายและทำลายทรัพย์สินคนไทยโดยทหารกัมพูชาตลอดจนทหารไทยต้องสูญเสียชีวิตและเสียขาไปจากการถูกกับระเบิดของฝ่ายกัมพูชาแต่บุคคลทั้งสองไม่เคยออกมาแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด ต่อเมื่อมีนักเคลื่อนไหว (อินฟลูเอนเซอร์) รายหนึ่งนำรถเครื่องเสียงเข้าไปเปิดเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องบิน F-16 และเสียงโหยหวนของ “ผี” กลางดึกบริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว เพื่อกดดันชาวกัมพูชาให้ออกไปจากพื้นที่พิพาทในเขตแดนไทย

คุณอังคณา นีละไพจิตร และคุณสุณัย ผาสุก ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการกระทำดังกล่าว เสมือนเป็นการลบล้างสิ่งที่ทางการไทยและเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ได้ดำเนินการในการจัดการข้อพิพาทชายแดนไทย – กัมพูชา ด้วยดีมาตลอด

อย่างไรก็ตาม การแสดงความเห็นโดยสุจริตของคุณอังคณา ได้นำไปสู่การโจมตีอย่างรุนแรงในสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์บางช่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมุ่งโจมตีความเห็นของคุณอังคณาว่าเป็นผู้ที่ไม่รักชาติ ไม่ปกป้องอธิปไตยของชาติ และสิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้น คือ การพาดพิงไปถึงกรณีการบังคับสูญหายทนายสมชาย นีละไพจิตร สามีของคุณอังคณา ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บริเวณชายแดนกัมพูชาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้แต่อย่างใด เป็นการตอกย้ำซ้ำเติมบาดแผลในจิตใจของคุณอังคณาและครอบครัว แม้เวลาผ่านไปหลายวัน แต่การแสดงความเห็นโจมตีคุณอังคณายังไม่มีทีท่าจะคลายลง และยังลุกลามบานปลายต่อไปถึงขั้นเป็นการขู่มขู่-คุกคามสมาชิกในครอบครัวของคุณอังคณา ดังที่ปรากฏเป็นข่าว อีกด้วย

ในกรณีที่มีการกล่าวพาดพิงถึงกรณีการบังคับสูญหายทนายสมชายในรายการโทรทัศน์ชื่อดังและการเผยแพร่วิดีโอของอดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ท่านหนึ่ง ผ่านทางแพลตฟอร์มของสำนักข่าวแห่งหนึ่งบนเฟซบุ๊ก เป็นการกล่าวพาดพิงที่ไร้ความตระหนักรู้ถึงปัญหาการบังคับสูญหายโดยรัฐ อาจสร้างบาดแผลทางจิตใจให้กับครอบครัวของผู้ถูกบังคับให้สูญหายทั้งหมดที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานตั้งแต่การต้องเผชิญกับความเจ็บปวด หรือความรู้สึกถูกลดทอนคุณค่าหรือการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ไร้จุดจบ

senator angkhana neelapaijit
ภาพ CrCF.Thailand

การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงต่อคนคนหนึ่ง ต่อครอบครัวหนึ่ง แม้รัฐบาลหรือคนบางกลุ่ม จะพยามยามสร้างว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม แต่คณะทำงานว่าด้วยการบังคับหรือการสูญหายโดยไม่สมัครใจ (Working Group on Enforced or Involuntary Disappearances; WGEID) ได้เน้นย้ำอย่างชัดเจนในรายงานประจำปี 2567 (A/HRC/57/54) ที่ได้แถลงต่อที่ประชุมสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยย่อหน้าที่ 105 ของรายงานระบุชัดเจนว่าสิ่งที่ครอบครัวต้องเผชิญ คือ การทรมาน

“คณะทำงานแสดงความกังวลและย้ำเตือนว่า ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้ถูกบังคับให้สูญหาย รวมทั้งความเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่รัฐต่อข้อเรียกร้องของพวกเขา อาจถือเป็นการทรมานได้เช่นกัน”

การพาดพิงถึงกรณีบังคับให้สูญหายของทนายสมชาย นีละไพจิต นำไปสู่การตั้งคำถามถึงจรรยาบรรณและจริยธรรมสื่อ ถึงการนำเสนอข่าวและข้อเท็จจริงอย่างเป็นกลางและตระหนักรู้ในความเปราะบางของประเด็นปัญหาในสังคม รวมถึงผู้ที่มีชื่อเสียงในสังคมที่ใช้ถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชังและการโจมตีที่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่อคุณอังคณา

จากกรณีนี้ สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชนตามรายชื่อท้ายแถลงการณ์นี้ มีความกังวลและห่วงใยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ด้วยเราตระหนักถึงคุณค่าของหลักสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และการเคารพความเห็นต่างในสังคม เราขอออกแถลงการณ์เพื่อประกาศจุดยืน สนับสนุนและปกป้อง คุณอังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่มีความกล้าหาญและยึดมั่นในหลักการมาอย่างยาวนาน คุณอังคณา นีละไพจิตร ไม่ใช่เพียงสมาชิกวุฒิสภา แต่เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติในฐานะ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน โดยมีผลงานที่ประจักษ์และเป็นที่ยกย่อง เช่น :

  1. ผู้ก่อตั้งมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ (Justice for Peace Foundation – JPF) : องค์กรที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือเหยื่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ความขัดแย้งในภาคใต้ของประเทศไทย
  2. อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : ได้ใช้ตำแหน่งในการตรวจสอบและเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐต่อกรณีการละเมิดสิทธิฯ และการบังคับสูญหาย
  3. การยอมรับในระดับสากล : เป็นผู้ได้รับ รางวัลแมกไซไซ (Ramon Magsaysay Award) ประจำปี 2562 ซึ่งเปรียบเสมือนรางวัลโนเบลแห่งเอเชีย รวมถึง รางวัลควังจูเพื่อสิทธิมนุษยชน (Gwangju Prize for Human Rights) ประจำปี 2549 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นและผลกระทบของงานด้านสิทธิมนุษยชนที่ท่านได้ทำ

การทำงานของท่านมุ่งเน้นไปที่การแสวงหาความจริงและความยุติธรรมให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการบังคับสูญหาย การซ้อมทรมาน และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์การบังคับสูญหายของทนายสมชาย นีละไพจิตร ผู้เป็นสามี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ผลักดันให้ท่านก้าวเข้าสู่การเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มตัว

เราขอเน้นย้ำว่า การตั้งคำถามต่อการทำหน้าที่ของรัฐ การตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ และการนำเสนอข้อมูลเพื่อผลักดันให้เกิดการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ทุกคนอย่างเสมอภาค เท่าเทียม เป็นหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และเป็นหน้าที่โดยสุจริตของตัวแทนประชาชนและนักปกป้องสิทธิฯ

การที่สื่อมวลชนบางสำนักมุ่งนำเสนอข่าวปลุกกระแสความเกลียดชัง ใช้กระแสชาตินิยมเพื่อโจมตีความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงการข่มขู่ คุกคามของคุณอังคณา นีละไพจิตร จากการที่ท่านได้แสดงความเห็นหรือตั้งคำถามต่อการที่หน่วยงานรัฐยินยอมให้มีการกระทำที่อาจมีผลกระทบต่อประเทศไทยในสายตานานาชาติและหลักสิทธิมนุษยชน แต่ไม่เคยนำเสนอข่าวต่อการทำของอินฟูเอนเซอร์ , กองทัพ, รัฐบาลที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาที่แท้จริงเลย การกระทำดังกล่าวของสื่อ จึงเป็นสิ่งที่ ไม่สร้างสรรค์ ไม่ชอบธรรมและเป็นอันตรายต่อพื้นที่ประชาธิปไตยอย่างยิ่ง

แฟ้มภาพ

เราเรียกร้องต่อสาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

1.ยุติการคุกคามและการใช้ Hate Speech : ขอให้สื่อและผู้ใช้สื่อทุกแขนง ยุติการใช้ถ้อยคำที่สร้างความเกลียดชังและการโจมตีที่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่อคุณอังคณา นีละไพจิตร และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทุกคนและขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ ดำเนินการเพื่อยุติการกระทำดังกล่าว

2.เคารพสิทธิในการแสดงความคิดเห็น : รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความคุ้มครองและเคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและการทำงานของคุณอังคณา ในฐานะนักปกป้องสิทธิฯ

3.มุ่งเน้นความจริงและความยุติธรรม : ขอให้สังคมหันมาพิจารณาข้อเท็จจริงและหลักการสิทธิมนุษยชนที่เป็นสากล เพื่อร่วมกันสร้างวัฒนธรรมที่ให้คุณค่าแก่ความยุติธรรม สันติภาพ และการอยู่ร่วมกันภายใต้ความแตกต่างอย่างเข้าใจ

4.ขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงยึดมั่นในหลักการและจริยธรรมแห่งวิชาชีพอย่างเคร่งครัด นำเสนอข่าวด้วยความถูกต้องเป็นกลาง ละเว้นการเสนอข่าวสารหรือวิพากษ์วิจารณ์โดยอคติ และต้องตระหนักว่าตนเองมีส่วนรับผิดชอบในการสร้างบรรยากาศทางสังคม และต้องไม่เป็นเครื่องมือในการทำลายเกียรติภูมิและสิทธิ เสรีภาพของคุณอังคณา นักสิทธิมนุษยชนหรือประชาชนทั่วไปที่ใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความเห็นโดยสุจริตใจ

ภาพ ngkhana.nee

เราขอยืนยันว่าการแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถามต่อการทำงานของรัฐและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชาดังกล่าว เป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่ประชาชนทุกคนในรัฐพึงกระทำได้ ไม่จำกัดเฉพาะคุณอังคณา นีละไพจิตร หรือนักปกป้องสิทธิฯ เท่านั้น ดังนั้นการข่มขู่คุกคาม และการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่เกิดขึ้นกับคุณอังคณา จึงเป็นสิ่งที่มิควรเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาดในสังคมที่มีอารยะในการนี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนจึงจะขอต่อสู้เคียงข้างคุณอังคณา นีละไพจิตร และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ทุกคน เพื่อยืนยันให้พวกเขาทราบว่า “ท่านไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว”.

รายชื่อองค์กรและเครือข่ายด้านสิทธิมนุษยชน

  1. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
  2. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF)
  3. มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา
  4. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)
  5. เครือข่ายประชาชนขจัดการเลือกปฏิบัติ (MovED)
  6. ภาคีเซฟบางกลอย
  7. เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ JASAD
  8. กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
  9. ThumbRights
  10. Milk Tea Alliance Thailand
  11. โมกหลวงริมน้ำ
  12. สหภาพคนทำงาน
  13. สมาคมลาหู่เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
  14. องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี HAP
  15. กลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  16. นิติวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  17. มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม
  18. มูลนิธิวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย
  19. สมาคมด้วยใจเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
  20. Odhikar
  21. กลุ่มยืนหยุดทรราช เชียงใหม่
  22. พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ
  23. สมยศ พฤกษาเกษมสุข
  24. ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข
  25. กัญญา ธีรวุฒิ
  26. ก่อการ บุปผาวัฏฏ์
  27. ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์
  28. พิณนภา พฤกษาพรรณ
  29. สีละ จะแฮ
  30. สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์
  31. นูรฮายาตี สาเมาะ
  32. ภัควดี วีระภาสพงษ์
  33. บุตรีรัตน์ สุริยะเสถียร
ภาพ @ngkhana.nee
อังคณา นีละไพจิตร คือหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
ภาพ @ngkhana.nee
อังคณา นีละไพจิตร คือหญิงโดเด่นในวงการสิทธิมนุษยชนของไทยและสากล ประวัติชีวิตเริ่มต้นจากวิชาชีพพยาบาล ก่อนกลายเป็นนักต่อสู้ผู้ไม่ย่อท้อ หลังต้องเผชิญกับเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่
ภาพ @ngkhana.nee

อ่านข่าวการเมืองที่เกี่ยวข้อง

 

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button