หมอคนเก่งสำลักควันเสียชีวิต คนเปิดประตูหนีไฟค้างเอาไว้ ขณะไฟไหม้

หมอคนเก่งระดับรองศาสตราจารย์ สำลักควันเสียชีวิต หลังพบว่ามีคนเปิดประตูหนีไฟค้างเอาไว้ ขณะไฟไหม้คอนโดมิเนียมตรงข้ามพาต้าปิ่นเกล้า
เพจเฟซบุ๊ก ประชาคมแพทย์ โพสต์ข้อความระบุถึงเหตุเศร้าว่า “คุณหมอไม่ควรต้องจบชีวิต…เพราะความประมาทของผู้อื่น
รองศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง — แพทย์ผู้เปี่ยมความรู้ ความสามารถ และยังเป็นพลังสำคัญของวงการแพทย์ไทย — ต้องจากไปอย่างไม่สมควร เพียงเพราะ สำลักควันไฟขณะหนีไฟ ของอาคารพักอาศัย ซึ่งยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุอื่น นอกเหนือจากนี้หรือไม่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ตรงข้ามห้างพาต้า ปิ่นเกล้า อาคารมีทั้ง ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm) และ พัดลมอัดอากาศ (Pressurized Fan) ติดตั้งครบถ้วน ถือว่า ระบบดี ทุกประการ แต่กลับไม่สามารถช่วยชีวิตผู้อยู่อาศัยได้
ระบบดี แต่… เสียงไซเรนดังขึ้นตามหน้าที่ พัดลมอัดอากาศถูกออกแบบมาอย่างดี แต่ทุกอย่างล้มเหลว…อาจเพียงเพราะ เคยมีคนเปิดประตูหนีไฟค้างไว้ก่อนหน้านี้ ปัญหาส่วนใหญ่ เมื่อประตูหนีไฟไม่ปิดสนิท ควันไฟก็ไหลย้อนเข้ามาในช่องบันไดหนีไฟ
ระบบที่ออกแบบมาเพื่อชีวิต กลับกลายเป็น “ปล่องควันมรณะ” เรา พบ ว่า สาเหตุ ของ ผู้เสียชีวิต จากเพลิงไหม้ มากกว่า 90% เกิด จาก suffocation หรือการขาดอากาศหายใจ แต่สำหรับ การเสียชีวิต ของคุณหมอท่านนี้ ยังต้องรอการสอบสวนหาสาเหตุที่แน่นอนต่อไป ว่า การขาดอากาศหายใจ เป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตใช่หรือไม่ และเกิดที่ใด
คุณหมอทำถูกทุกขั้นตอน ท่านหนีออกทางบันไดหนีไฟ — เส้นทางที่ควรปลอดภัยที่สุด แต่กลับต้องจบชีวิต ซึ่งต้องรอการสอบสวนอย่างชัดเจนว่าท่านเสียชีวิต หรือเกิดAsphyxia? ที่ใด?ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สุด ในการวางแนวทางการป้องกัน ต่อไป
ถ้าเราไม่เริ่มเปลี่ยน…จะมี “ ผู้เคราะห์ร้าย คนต่อไป” อีกกี่คน? โศกนาฏกรรมนี้ไม่ควรเกิดซ้ำอีก
เพราะยังมีอาคารอีกนับพันทั่วประเทศ — โรงแรม โรงพยาบาล สำนักงาน หอพัก — ที่อาจมี “ประตูหนีไฟเปิดค้างไว้” อยู่ในขณะนี้ ถ้าไม่มีใคร ให้ความสำคัญที่จะสำรวจอย่างจริงจัง ในประสบการณ์ของ Admin เอง ยังเคยเจอว่าบางตึกมีการเอาวัสดุ หรือ สิ่งของ ไปขวางประตูไว้ เพื่อสะดวกในการเดินขึ้นลง ระหว่างชั้น

คำถามคือ…เราจะรอให้ใครอีกคนต้องตายก่อนหรือ ถึงจะลงมือจริงจัง?
กรอบข้อเสนอเชิงนโยบาย ที่ควรมีในระดับประเทศ เพื่อไม่ให้ “บันไดหนีไฟ” กลายเป็น “ทางตันของชีวิต”
1. ตรวจสอบระบบความปลอดภัยเชิงรุก (Proactive Audit) บังคับให้อาคารสูงทุกแห่งต้องตรวจสอบระบบ Pressurized Fan, Fire Door และ Fire Alarm ทุก 6 เดือน ผลตรวจต้องเผยแพร่บนเว็บไซต์กรมโยธาฯ เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้
2. เพิ่มโทษผู้ละเลยหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร หากนิติบุคคล/ผู้จัดการอาคารละเลยการดูแลระบบป้องกันอัคคีภัยจนเกิดความเสียหายแก่ชีวิต → ให้ถือว่าเป็น “การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
3. สร้างช่องทางร้องเรียน FireCheck Platform จัดตั้งระบบร้องเรียนออนไลน์สำหรับประชาชน แจ้ง “ประตูหนีไฟเปิดค้าง” หรือ “ระบบอัดอากาศไม่ทำงาน” ได้โดยตรง มีทีมตรวจสอบเฉพาะกิจในแต่ละเขต เพื่อเข้าตรวจภายใน 48 ชั่วโมง
4. รวมข้อมูลระบบหนีไฟไว้ในทะเบียนกลางอาคาร (Building Safety Registry) ให้หน่วยงานท้องถิ่นบันทึกข้อมูลระบบความปลอดภัยของอาคารทุกแห่ง และเปิดให้ตรวจสอบผ่าน QR Code บริเวณทางเข้าอาคาร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ด่วน! ไฟไหม้คอนโดสูงย่านปิ่นเกล้า ชั้น 16 จนท. ช่วยคนติดค้าง-เพลิงสงบแล้ว
- ใครกัน? สส.ทิ้งก้นบุหรี่ในถังขยะ เกือบทำสภาไฟไหม้ “วันนอร์” ชี้เป็นเขตปลอดบุหรี่แบบ 100%
- โรงพยาบาลรามาธิบดี ออกแถลงฉบับสอง ไม่พบรังสีรั่วไหล สำลักควัน 1 ราย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: