ข่าวต่างประเทศ

“ฮุนเซน” ปลื้มชาวเขมร แห่ทิ้งเงินบาท หลังเรียกร้องภายใน 2 ชม. ลั่นถ้ารักชาติ ต้องใช้เงินกัมพูชา

“ฮุน เซน” ปลุกกระแสชาตินิยม ชาวกัมพูชาเลิกใช้เงินบาท อ้างคนแห่แลกเงินคืนอย่างรวดเร็ว ลั่นหากรักชาติ ต้องใช้เงินกัมพูชา

สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กอีกครั้ง ตอกย้ำคำสั่งของตนเองที่ให้ชาวกัมพูชาเลิกใช้เงินบาทและแบนสินค้าไทย โดยอ้างว่าประชาชนได้ขานรับอย่างล้นหลาม พร้อมส่งสารเตือนถึงข้าราชการและพ่อค้าที่ยังลักลอบนำเข้าสินค้าไทย

ฮุน เซน ระบุว่า “ข้าพเจ้าได้รับรายงานว่า พี่น้องประชาชนของเราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะที่ปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ที่ถือเงินบาทไทย ได้พากันไปแลกเป็นเงินเรียลแล้ว หลังจากที่ข้าพเจ้าโพสต์ข้อความไปได้เพียงประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568

นับเป็นเรื่องดีที่ประชาชนกัมพูชาหันมาใช้เงินเรียลบนแผ่นดินของตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนและไม่ให้กลายเป็นจุดอ่อนของชาติ เมื่อสกุลเงินถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมือง ข้าพเจ้ายังทราบมาว่าพี่น้องชาวเขมรบางส่วนที่ทำงานและทำธุรกิจในไทย ไม่สามารถถอนเงินจากธนาคารในไทยได้

สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
FB/ Samdech Hun Sen of Cambodia

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เงินบาทไทยกำลังสร้างความเดือดร้อนให้ชาวเขมรที่ทำงานในประเทศไทย และในอนาคต เงินบาทก็จะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวเขมรบนแผ่นดินกัมพูชาเช่นกัน โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังคงใช้จ่ายและเก็บเงินบาทไว้

แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะเรียกร้องคือ ขอให้พี่น้องที่ทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา โปรดแลกเปลี่ยนเงินตามราคาตลาด อย่าฉวยโอกาสแสวงหาผลกำไรเกินควรด้วยการกดราคาเงินบาทและขึ้นราคาเงินเรียล ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ต้องการแลกเงินต้องขาดทุน

ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวกับพี่น้องร่วมชาติว่า นับจากนี้ไป ขอให้เลิกกำหนดค่าจ้าง ราคาสินค้า หรือค่าบริการเป็นเงินบาท แต่ให้หันมากำหนดเป็นเงินเรียลหรือดอลลาร์แทน และจะดียิ่งขึ้นหากกำหนดเป็นเงินเรียล เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสกุลเงินของชาติเรา

ถ้ารักชาติ ก็ควรเก็บธนบัตรที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบิดาแห่งชาติ พระมารดาแห่งชาติ และพระมหากษัตริย์ของเราไว้ในกระเป๋า ดีกว่าที่จะเก็บพระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ของประเทศที่มองเราเป็นศัตรูและดูหมิ่นเรา

ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานทุกระดับกำจัดข้าราชการและพ่อค้าที่ยังลักลอบนำเข้าสินค้าไทยในช่วงที่ชายแดนปิด ซึ่งทำให้เพื่อนบ้านดูถูกเราว่า “ถ้าไม่มีสินค้าของเขา เราก็อยู่ไม่ได้” หากข้าพเจ้ายังเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนี้ แต่ออกคำสั่งจับกุมหรือปลดจากตำแหน่งไปแล้ว แต่อย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า “แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง””

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button