บันเทิงเกาหลี

ต้นสังกัด คิมซูฮยอน แถลงแล้ว คบหา คิมแซรน หลังบรรลุนิติภาวะ โต้ทุกข้อกล่าวหา

Gold Medalist ต้นสังกัด ‘คิมซูฮยอน’ แถลงการณ์ด่วน ยันความสัมพันธ์ คิมซูฮยอน คบเป็นแฟน คิมแซรน แค่ช่วงสั้น ๆ หลังฝ่ายหญิงบรรลุนิติภาวะ ก่อนโต้ทุกข้อกล่าวหาจากสำนักข่าว Garosero Research Institute

จากกรณีข่าวร้อนแรงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ “คิมแซรน” วัย 25 ปี กับพระเอกหนุ่ม “คิมซูฮยอน” วัย 37 ปี ที่ทางฝั่งครอบครัวของนักแสดงสาวมีการเปิดเผยข้อมูลและภาพหลักฐานว่า ทั้งสองได้คบหากันตั้งแต่ฝ่ายหญิงยังเป็นผู้เยาว์ และแม้ทางฝั่งต้นสังกัดของพระเอกหนุ่ม Gold Medalist จะออกมาโต้ว่าไม่ใช่ข่าวจริง แต่บรรดาหลักฐานก็ทำให้หลายคนไม่อาจจปักใจเชื่อแถลงปฏิเสธ และขณะนี้เรื่องราวดังกล่าวก็ได้นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝั่งแล้ว

กระทั่งวานนี้ (13 มีนาคม 2568) Gold Medalist ต้นสังกัดของ ‘คิมซูฮยอน’ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด รวมถึงข่าวคราวการคบหาระหว่างพระเอกหนุ่ม กับ คิมแซรน ด้วย พร้อมยืนยันว่า ข่าวลือนี้ไม่มีมูลความจริง โดยจะเตรียมหลักฐาน และออกมาแถลงการณ์แจงความจริงในช่วงสัปดาห์หน้า

ล่าสุดดูเหมือนกระแสโจมตีจะทวีความรุนแรงเสียจนไม่สามารถรอจนถึงสัปดาห์หน้าได้ โดยในวันนี้ 14 มีนาคม 2568 สำนักข่าวเกาหลีใต้ Maeil Business Newpaper (MK) รายงานว่า Gold Medalist ต้นสังกัดของ ‘คิมซูฮยอน’ ได้ตัดสินใจเลื่อนการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากสัปดาห์หน้ามาเป็นวันนี้ เนื่องจากภาวะทางจิตใจที่เปราะบางของนักแสดงหนุ่ม

Gold Medalist ได้ออกแถลงการณ์เร่งด่วน โดยระบุว่า เดิมทีบริษัทวางแผนที่จะเผยแพร่แถลงการณ์ในสัปดาห์หน้า โดยอิงจากข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้เพื่อหักล้างเนื้อหาในรายงานข่าวของสำนักข่าว Garosero Research Institute หรือ Horizontal and Vertical Research Institute แต่เนื่องจาก คิมซูฮยอน มีภาวะวิตกกังวลอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้

และหลังจากรายงานข่าวเผยแพร่ออกไป เขาก็ตกอยู่ในภาวะสับสนอย่างมากจากข้อกล่าวหาที่ว่าเขาเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ คิมแซรน ทางบริษัทจึงตัดสินใจเลื่อนการแถลงการณ์

คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216

ย้อนไทม์ไลน์ “คิมซูฮยอน” คบหากับ “คิมแซรน”

ในแถลงการณ์ของทางต้นสังกัดได้มีการชี้แจงถึงประเด็นข่าวร้อนแรง เรื่องที่ว่าทั้งสองนักแสดงคบหากัน ในขณะที่ฝ่ายหญิงยังไม่บรรลุนิติภาวะ “คิมซูฮยอน และ คิมแซรน คบหากันตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนของปี 2019 ถึงฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 โดยเป็นช่วงเวลาหลังจากที่คิมแซรนบรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่เป็นความจริงที่ว่า คิมซูฮยอน คบหากับ คิมแซรน ในขณะที่เธอยังเป็นผู้เยาว์”

ทางบริษัทชี้แจงว่า ภาพถ่ายของ คิมแซรน ที่ถูกปล่อยออกมาบนโซเชียลมีเดีย เมื่อเช้ามืดของวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา และภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่ในรายการของ Horizontal Institute เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา เป็นภาพส่วนตัวของทั้งสองคนที่คบหากันในช่วงฤดูหนาวปี 2020 ทั้งสิ้น โดยอ้างอิงจากเสื้อผ้าที่ คิมแซรน สวมใส่ในขณะนั้น

ต้นสังกัดได้ให้เหตุผลในประเด็นนี้ว่า เสื้อยืดที่ คิมแซรน สวมใส่ในภาพดังกล่าว เป็นสินค้าที่แบรนด์วางขายในเดือนมิถุนายน 2562 ทางบริษัทจึงโต้แย้งว่า “ข้อกล่าวอ้างของ Garosero Research Institute ที่ว่าภาพถ่ายถูกถ่ายตั้งแต่ในปี 2559 ในขณะที่คิมแซรนยังเป็นผู้เยาว์นั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ปักใจเชื่อทั้งหมด”

ในส่วนของอีกภาพถ่ายหนึ่งที่ Garosero Research Institute ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ถูกถ่ายโดยบุคคลทั้งสองในวันคริสต์มาสอีฟ วันที่ 24 ธันวาคม 2562 ซึ่งมีข้อมูลระบุชัดเจนถึงวันและเวลาของภาพถ่ายดังกล่าว ส่วนภาพถ่ายที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 ก็เป็นภาพที่ถูกถ่ายในวันเดียวกัน ซึ่งสังเกตได้จากการที่ทั้งสองสวมใส่ชุดเดิม

Gold Medalist ยืนยันว่า ภาพถ่ายทั้งหมดที่ Garosero Research Institute นำมากล่าวอ้างว่า คิมซูฮยอน คบหากับ คิมแซรน ตั้งแต่เธอยังเป็นผู้เยาว์นั้น ถูกถ่ายขึ้นหลังจากที่คิมแซรนบรรลุนิติภาวะแล้ว ดังนั้นภาพถ่ายที่ถูกกล่าวหาว่า ถ่ายไว้เมื่อปี 2016 จึงไม่เป็นความจริง เพราะในเวลานั้นทั้งสองคนไม่ได้คบหากัน

คิมแซรน
ภาพจาก : ron_sae

จดหมายหวานซึ้ง จากพลทหารคิมซูฮยอน ถึง คิมแซรน

ทางบริษัทได้ชี้แจงเกี่ยวกับจดหมายที่ คิมซูฮยอน ส่งถึง คิมแซรน ในขณะที่เขารับราชการทหารว่า จดหมายดังกล่าว เป็นหนึ่งในจดหมายที่ส่งถึงคนสนิท จากเนื้อหาจะเห็นได้ว่าคิมซูฮยอนกำลังปรับตัวเข้ากับชีวิตทหาร และเขามักจะเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันในกองทัพส่งให้คนสนิท โดยคำว่า “คิดถึง” เป็นคำพูดถึงคนสนิท ไม่ได้หมายถึงคนรัก

คิมซูฮยอน เพิกเฉยต่อคำร้องขอความช่วยเหลือ จาก คิมแซรน

ในส่วนประเด็นปัญหาทางการเงินของ คิมแซรน ที่มีการกล่าวอ้างว่า คิมซูฮยอน เพิกเฉยต่อปัญหาทางการเงินของ คิมแซรน นั้น “ไม่เป็นความจริง” ปัหาหนี้สินทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องระหว่าง Gold Medalist กับ คิมแซรน ดังนั้นจึงไม่เป็นความจริงที่ คิมซูฮยอน ให้ คิมแซรน หยิบยืมเงินเป็นการส่วนตัว หรือไปเร่งรัดให้เธอชำระหนี้ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำเช่นนั้นได้ด้วย

ย้อนกลับไปในวันดังกล่าว หลังจากที่ คิมซูฮยอน ได้รับข้อความจาก คิมแซรน เกี่ยวกับจดหมายรับรองเรื่องการทวงหนี้สิน ทาง Gold Medalist ได้แนะนำให้เขา “อย่าตอบกลับโดยที่ไม่มีความรู้ทางกฎหมาย” แต่ต่อมาทางบริษัทก็ได้อธิบายวัตถุประสงค์ของจดหมายรับรองให้กับฝั่งของ คิมแซรน ได้ทราบ และในเดือนมีนาคม 2567 บริษัทได้รับข้อความจากตัวแทนทางกฎหมายของ คิมแซรน ว่า “ขอบคุณสำหรับความจริงใจที่มีต่อลูกความของคุณ”

คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216

ต้นสังกัดได้กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “ภาพถ่ายของทั้งสองคนที่ Garosero Research Institute ปล่อยออกมานั้นเป็นความจริง แต่สิ่งนั้นไม่ได้แปลว่า คำกล่าวอ้างของ Garosero Research Institute จะเป็นความจริงด้วย มีผู้คนจำนวนมากกำลังทุกข์ทรมานจากการที่พวกเขาหยิบยกประเด็นเพียงเล็กน้อย ที่สามารถดึงดูดความสนใจของสาธารณชนได้ และตัดบริบทเบื้องหลังออกไป จนทำให้ความจริงถูกบิดเบือน”

“ทางบริษัทคิดว่า มุมมองและการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนต่อเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ คิมซูฮยอน นั้นเป็นสิ่งที่ควรยอมรับ แต่อย่างไรก็ตาม คิมซูฮยอน ไม่สามารถยอมรับข้อกล่าวอ้างไม่เป็นความจริงและการโจมตีมากมายได้ เพียงเพราะเขาเป็นคนดัง”

“ทาบริษัทอยากจะถามว่า ผู้ใหญ่ควรยอมรับถึงการเปิดเผยเรื่องราวในพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาโดยไม่ได้รับความยินยอม และต้องเผชิญกับสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ เนื่องจากความเป็นส่วนตัวที่ไม่ได้รับความยินยอมในการเปิดเผยต่อสาธารณะ หรือไม่”

คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216

แถลงการณ์ฉบับเต็มจากค่าย คิมซูฮยอน คบหา คิมแซรน ระบุข้อความไว้ดังนี้

“ผม/ดิฉันขอเผยแพร่จุดยืนของ คิมซูฮยอน ต่อรายงานข่าวล่าสุดของ Horizontal and Vertical Research Institute

Gold Medalist ได้วางแผนที่จะเผยแพร่แถลงการณ์ในช่วงสัปดาห์หน้า โดยอิงจากข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้เพื่อหักล้างกับรายงานข่าวของ Horizontal Institute แต่ด้วยเหตุที่ คิมซูฮยอน มีภาวะจิตใจไม่มั่นคงตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ เราจึงได้ดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่า คิมซูฮยอน จะอยู่ในภาวะที่มั่นคงอย่างแน่นอน

คิมซูฮยอนได้รับความทุกข์ทรมานจากความสับสนอย่างมาก เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ต้องรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ คิมแซรน นอกจากนี้ ในคืนที่รายการ Garosero Research Institute ออกอากาศเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ได้มียานพาหนะที่ติดตั้งกล้อง ฝ่าข้ามประตูหลักของบริษัทและในลานจอดรถ มาจอดเฝ้าอยู่จนถึงรุ่งเช้า ซ้ำยังมีบุคคลที่มีกล้องเดินวนเวียนอยู่รอบอาคารในช่วงกลางวันของวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา อีกด้วย

ดังนั้น เราจึงขอความเข้าใจจากทุกท่าน ว่าเหตุผลที่เราได้เผยแพร่แถลงการณ์อย่างเร่งด่วนนี้ ก็เพื่อเปิดเผยความจริงในประเด็นสำคัญ แม้ว่ามันจะแตกต่างจากแผนเดิม แต่ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่านี้ ดังนั้นผม/ดิฉันจึงแจ้งให้ทราบแม้ว่าจะมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์มากนัก ขอบคุณครับ/ค่ะ”

คำชี้แจงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคิมซูฮยอนและคิมแซรน

คิมซูฮยอน และ คิมแซรน คบหากันตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2019 ถึงฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 หลังจากที่ คิมแซรน บรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่เป็นความจริงที่ คิมซูฮยอน คบหากับ คิมแซรน ในขณะที่เธอยังเป็นผู้เยาว์ ภาพถ่ายของคิมแซรนที่ปล่อยออกมาบน Instagram Story เมื่อเช้ามืดวันที่ 24 มีนาคม 2567

รมถึงภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่ในการออกอากาศของ Horizontal Institute เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 เป็นภาพส่วนตัวของทั้งสองคนที่คบหากันในวันเดียวกันของฤดูหนาวปี 2020 ทั้งสิ้น ในเวลานั้น คิมแซรน สวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นสินค้าจากแบรนด์ที่ประกาศเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2562 ดังนั้นข้อกล่าวอ้างที่ว่า ภาพถ่ายถูกถ่ายในปี 2559 ในขณะที่คิมแซรนยังเป็นผู้เยาว์นั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ได้ว่าจริงแท้เสียทีเดียว

นอกจากนี้ อีกภาพถ่ายหนึ่งที่ปล่อยออกมา เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 เป็นภาพที่ถูกถ่ายโดยบุคคลทั้งสองในวันคริสต์มาสอีฟ วันที่ 24 ธันวาคม 2562 ซึ่งก็มีรายละเอียดของวันและเวลาถ่ายภาพระบุไว้อย่างชัดเจน ส่วนภาพถ่ายที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา ก็ถูกถ่ายในวันเดียวกัน สามารถสังเกตได้จากการที่ทั้งคู่สวมชุดเดิม

เช่นนั้นแล้ว ภาพถ่ายทั้งหมดที่ถูกนำมากล่าวอ้างว่า คิมซูฮยอน คบหากับ คิมแซรน ตั้งแต่เธอยังเป็นผู้เยาว์นั้น ถูกถ่ายขึ้นหลังจากที่คิมแซรนบรรลุนิติภาวะแล้ว ดังนั้นภาพถ่ายที่ถูกกล่าวหาว่า ถ่ายไว้เมื่อปี 2016 จึงไม่เป็นความจริง เพราะในเวลานั้นทั้งสองคนไม่ได้คบหากัน

จดหมายของ คิมซูฮยอน ที่ส่งถึง คิมแซรน ในขณะที่อยู่ในกองทัพ เป็นหนึ่งในจดหมายที่เขาส่งถึงคนสนิท จากเนื้อหาจะเห็นได้ว่า คิมซูฮยอน กำลังปรับตัวเข้ากับชีวิตทหาร และมักจะเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันในกองทัพอย่างละเอียด ส่งให้คนสนิท โดยคำว่า ‘คิดถึง’ เป็นคำพูดที่ทหารในกองทัพใช้กับคนสนิทในความหมายที่ไม่เป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ Horizontal Institute กล่าวอ้างว่า ทั้งสองคบหากันตั้งแต่ปี 2558 เป็นการกล่าวบิดเบือนจากภาพถ่ายที่ถ่ายหลังจาก คิมแซรน บรรลุนิติภาวะแล้ว ให้กลายเป็นภาพในวัยเยาว์ของเขา และนำโปสการ์ดที่ส่งหลังจากเกิดความสัมพันธ์และจดหมายที่ส่งในช่วงที่อยู่ในกองทัพมาร้อยเรียงต่อกัน จนทำให้จดหมายธรรมดา ๆ กลายเป็นเหมือนจดหมายรัก ฉายาที่ คิมแซรน ใช้บนโซเชียลมีเดียตั้งแต่ปี 2016 ก็ถูกบิดเบือนให้กลายเป็นเหมือนฉายาที่เหมือนใช้กันเพียงแค่สองคน

มีการวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับคิมซูฮยอนในเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่สองคนจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ชีวิตของ คิมซูฮยอน ซึ่งเป็นที่รักของแฟน ๆ หลาย ๆ คน จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนด้วย

ขณะเดียวกัน หากข้อความเหล่านั้นเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรง ก็ไม่แปลกที่ผู้ตกเป็นเป้าจะเก็บมาพิจารณาอย่างจริงจังและรู้สึกเจ็บปวด

อย่างไรก็ตาม จากการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนผ่านผู้ให้ข้อมูลที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้อย่างถูกต้อง จึงเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเปรียบเสมือนการสร้างข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และนั่นเป็นการสร้างความเจ็บปวดอย่างมากให้กับ คิมซูฮยอน และ คนรอบข้าง ที่ถูกบังคับให้เปิดเผยชีวิตส่วนตัวร่วมไปด้วย

จากการเผยแพร่ชีวิตส่วนตัวของผู้เสียชีวิตพร้อมกับข่าวลือและการคาดเดามากมาย ทางบริษัทคิดว่า มุมมองต่าง ๆ ของสาธารณชนต่อการตัดสินใจของ คิมซูฮยอน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากชีวิตส่วนตัวของทั้งสองถูกเปิดเผยผ่านสู่สาธารณะ เรื่องราวที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคนพบกันและเลิกรากันในอดีตถูกผู้อื่นบิดเบือน และแม้กระทั่งในขณะนี้ก็ยังแพร่กระจายไปสู่เรื่องโกหกมากมาย มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับคน ๆ หนึ่งที่จะต้องทนกับสิ่งเหล่านี้ ทั้งยังเป็นการกระทำที่ขุดคุ้ยชีวิตส่วนตัวของผู้เสียชีวิต ก่อนจะนำมาใส่ร้ายพวกเขา

ไม่เป็นความจริงที่ คิมซูฮยอน เพิกเฉยต่อปัญหาทางการเงินของ คิมแซรน

รายงานข่าวของ Horizontal Institute ทำให้ คิมซูฮยอน กลายเป็นปีศาจร้ายที่พรากชีวิตของ คิมแซรน เหตุเพราะ Gold Medalist ต้นสังกัดของ คิมซูฮยอน มีการเร่งรัดให้ผู้เสียชีวิตชำระหนี้ เนื่องจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ประกอบกับทาง คิมแซรน ขอความช่วยเหลือ แต่ คิมซูฮยอน เพิกเฉย ตามที่มีการกล่าวอ้าง ซึ่งสิ่งนี้ได้นำไปสู่การคาดการณ์ว่า คิมแซรน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวและสุดโต่ง

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่เป็นความจริง เพราะในเวลานั้น Gold Medalist ได้ชำระหนี้คงค้างทั้งหมดที่คิมแซรนไม่สามารถจ่ายได้ ภายใต้ชื่อของเธอ เป็นที่เรียบร้อย

หลังจากเกิดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ บริษัท Gold Medalist ได้ปรึกษาหารือร่วมกับ คิมแซรน เพื่อแก้ไขค่าปรับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานการแสดงของ คิมแซรน ที่ถูกยกเลิก รวมถึงการชดเชยความเสียหายให้กับร้านค้าในบริเวณที่เกิดเหตุ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเมาแล้วขับ

ในเวลานั้น ค่าปรับสำหรับอุบัติเหตุอยู่ที่ประมาณ 1,114 ล้านวอน หรือประมาณ 25,790,000,000 บาท ในกระบวนการกำหนดจำนวนเงินชดเชย บริษัทพยายามที่จะลดจำนวนเงินชดเชย เพื่อลดภาระของ คิมแซรน ตั้งแต่นั้นมา ความพยายามต่าง ๆ ของ คิมแซรน ในการชำระหนี้ได้ทำให้เงินชดเชยลดลงเหลือประมาณ 700 ล้าน (16 ล้านบาท)

กระบวนการลดจำนวนเงินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมและขายรถยนต์ของ คิมแซรน ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างมากจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ตามคำขอของ คิมแซรน ทาง Gold Medalist ได้ซ่อมแซมและขายรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุในสภาพที่ไม่สามารถใช้งานได้ และนำไปจ่ายชดเชยความเสียหายบางส่วน ซึ่งข้อกล่าวหาที่ว่า บริษัทได้ยึดรถยนต์ของคิมแซรน ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงดังกล่าว

อัตราค่าปรับเนื่องจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ

จำนวนเงินสะสมตามประเภท

โฆษณา 390,000,000 วอน (ราว ๆ 9,000,000 บาท)

ละคร 700,000,000 วอน (ราว ๆ 16,000,000 บาท)

ห้างสรรพสินค้าผู้เสียหาย 24,361,852 วอน (ราว ๆ 560,000 บาท)

รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,114,361,825 วอน หรือราว ๆ 25,800,000 บาท

อย่างไรก็ตาม แม้จะพยายามอย่างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คิมแซรน ประสบปัญหาในการทำงานวงการบันเทิง หลังเกิดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ และเธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในการชำระหนี้คงค้าง ด้วยเหตุนี้ เราจึงตัดสินใจว่า คิมแซรน ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้อีกต่อไป ดังนั้น หนี้ของเธอจึงได้รับการชดเชยความเสียหายแทนให้ ในช่วงเดือนธันวาคม 2566

อ้างอิงจากรายงานการตรวจสอบบัญชีของบริษัทลงวันที่ 1 เมษายน 2567 ยืนยันว่า หนี้ทั้งหมดของ คิมแซรน ได้รับการจัดการเป็นหนี้สูญแล้ว

ในกระบวนการนี้ แน่นอนว่าเราต้องปฏิบัติตามกระบวนการทางกฎหมายระหว่างบริษัทกับ คิมแซรน เพราะหากบริษัทจ่ายค่าปรับที่ คิมแซรน ต้องรับผิดชอบโดยพลการ มีความเป็นไปได้ที่ผู้บริหารของบริษัทจะถูกตั้งข้อหายักยอกทรัพย์ และค่าใช้จ่ายจะไม่ได้รับการรับรองเป็นค่าใช้จ่ายที่หักลดหย่อนได้ของบริษัท เนื่องด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารของเราอาจได้รับโทษตามกฎหมาย หากเขาไม่ดำเนินการตามขั้นตอนและหลักฐานใด ๆ เพื่อชี้แจงความบริสุทธิ์

นอกจากนี้ ในช่วงต้นปี 2567 ทางบริษัทจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะจัดการกับหนี้ที่มีต่อ คิมแซรน ในระหว่างการตรวจสอบบัญชีอย่างไร โดยจากคำแนะนำของสำนักงานกฎหมายและสำนักงานบัญชีที่ดำเนินการตรวจสอบบัญชีในขณะนั้นแล้ว พบว่า หากบริษัทจัดการจำนวนหนี้สูญที่มีต่อ คิมแซรน โดยไม่มีการเร่งรัดหนี้สินใด ๆ จะเปรียบเสมือนบริษัทได้ยกเว้นหนี้ให้คิมแซรนโดยฝ่ายเดียว ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท และอาจนำไปสู่ข้อกังวลเกี่ยวกับการละเมิดหน้าที่ของผู้บริหารของบริษัทด้วย

ในขณะเดียวกัน การกระทำเช่นนี้เปรียบเสมือนการบีบให้ คิมแซรน ไม่มีทางเลือกอื่น และไม่สามารถแก้ไขสิ่งใดได้ จากการที่ในขณะนั้นไม่สามารถชำระหนี้สิน

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทางบริษัทได้ส่งหลักฐานจดหมายทวงหนี้ไปยัง คิมแซรน เพื่อให้สามารถดำเนินการกับการตั้งหนี้สูญที่มีต่อ คิมแซรน ได้ เพราะเราต้องพิสูจน์ว่า บริษัทไม่ได้สละสิทธิ์ในหนี้ที่มีต่อ คิมแซรน โดยสมัครใจ นอกจากนี้ยังมีความกังวลในทางปฏิบัติว่า คิมแซรน อาจต้องจ่ายภาษีการให้เทียบเท่ากับผลกำไรที่เขาได้รับจากการปลดหนี้ และข้อความที่ คิมแซรน ส่งถึง คิมซูฮยอน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 เกี่ยวกับหนี้สินของเธอ ถูกเขียนขึ้นเพราะสถานการณ์นี้

ดังนั้น ปัญหาหนี้สินของ คิมแซรน จึงเป็นเรื่องระหว่าง Gold Medalist และก็ไม่เป็นความจริงที่ คิมซูฮยอน ให้ทาง คิมแซรน ยืมเงินเป็นการส่วนตัว หรือเร่งรัดให้เธอชำระหนี้ เพราะเขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะกระทำเช่นนั้นได้

อย่างไรก็ตาม คิมซูฮยอน ไม่ทราบถึงสถานการณ์ระหว่างบริษัทกับ คิมแซรน ในเวลานั้นรวมเป็นเวลาถึงสี่ปีแล้วที่ทั้งสองแยกทางกัน คิมซูฮยอน ได้สอบถามบริษัทเกี่ยวกับเนื้อหาข้อความของ คิมแซรน และทางบริษัทก็ได้สอบถามไปยัง คิมซูฮยอน ว่า

“ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมที่จะตอบคำถามเหล่านี้โดยไม่ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ บริษัทจะติดต่อตัวแทนของ คิมแซรน พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด”

ตั้งแต่นั้นมา คิมแซรน ได้แสดงจุดยืนผ่านตัวแทนทางกฎหมายของเขา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 โดยกล่าวว่า “นอกเหนือจากการชื่นชมความจริงใจของคุณที่มีต่อลูกความของคุณเมื่อครั้งที่แล้ว ฉันต้องการปรับแผนการชำระเงินคืนในอนาคตผ่านการปรึกษาหารือกับการกำหนดจำนวนความเสียหายที่ฉันต้องแบกรับ แน่นอนว่าจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่คุณได้รับด้วย”

สิ่งนี้ได้ยุติความสัมพันธ์ทางหนี้สินระหว่าง Gold Medalist และ คิมแซรน และทางบริษัทไม่เคยขอให้ชำระหนี้คืนอีกเลย นับตั้งแต่หนี้ทั้งหมดที่มีต่อ คิมแซรน ได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนี้สูญ

ดังนั้น จากมุมมองของ คิมแซรน จะเห็นได้ว่าเขาหลุดพ้นจากหนี้สินที่มีต่อ Gold Medalist อย่างสมบูรณ์ การเชื่อมโยงสาเหตุการเสียชีวิตในอีกหนึ่งปีต่อมากับเรื่องนี้ จึงเป็นข้อโต้แย้งที่ไม่น่าเชื่อถือ และเกิดจากการคาดเดาในแง่ลบมาเกินไป

Gold Medalist เข้าใจสถานการณ์ที่ยากลำบากของ คิมแซรน และดูแลอย่างระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเรียกเก็บภาษีการให้เงิน คิมแซรน โดยไม่ได้รับการชำระคืน

นอกจากนี้ ในกระบวนการจ่ายค่าปรับแทน คิมแซรน ดอกเบี้ยถูกกำหนดไว้ที่ 0% ในขณะที่จัดการกับเงินกู้ และความเสียหายที่ล่าช้าก็ถูกกำหนดไว้ที่ 0% อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ได้นำมาสู่ความรู้สึกขมขื่น จากการถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงราวกับว่า เธอถูกบังคับให้ชำระหนี้คืน และตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงราวกับว่า มันเป็นสาเหตุของการตัดสินใจจบชีวิตของผู้เสียชีวิตในอีกหนึ่งปีต่อมา

ผู้เปิดเผยชีวิตส่วนตัวของ คิมซูฮยอน โดยไม่ได้รับความยินยอม

รูปถ่ายเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาถูกบิดเบือนกลายเป็นรูปถ่ายที่ถ่ายเมื่อฝ่ายหญิงอายุเพียง 16 ปี คนรู้จักของแม่ผู้เสียชีวิต ได้รับการเรียกขานว่า ป้า เนื้อหาและมุมมองที่อิงตามพื้นฐานความจริงนั้นถูกบิดเบือนอย่างแยบยล ส่งผลให้ภาพหลักฐานกลายเป็นประเด็นหนี้สินที่อดีตต้นสังกัดกดดันให้ชำระเงินคืน ด้วยเหตุนี้ ปัญหาหนี้สินของ คิมแซรน ซึ่งได้จบลงไปแล้วเมื่อหนึ่งปีก่อน จึงถูกชี้ว่าเป็นสาเหตุโดยตรงของการเสียชีวิตที่น่าเศร้า

คิมซูฮยอน ถูกดึงเข้าไปเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมที่ผู้เสียชีวิตเผชิญ ด้วยพื้นฐานการเคยคบหากันเพียงอย่างเดียว ที่ถูกตัดบริบทและบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้คน ๆ หนึ่งกลายเป็นคนบาป และทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกประณามเพราะเขาเป็นคนบาป

หลังจากรายงานข่าวของ Horizontal Institute คิมซูฮยอนถูกตีความว่า การกระทำในอดีตทั้งหมดเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายโดยเจตนา พร้อมกับการปล่อยภาพยั่วยุ สนับสนุนข้อกล่าวอ้างที่ว่า คิมซูฮยอน สานสัมพันธ์กับ คิมแซรน ตั้งแต่เธออายุ 16 ปี ข่าวที่ไม่เป็นความจริงถูกแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต และนำไปสู่การเกิดขึ้นของข่าวปลอมมากมาย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บุคคลที่ถูกประณามจะสามารถแสดงความบริสุทธิ์เพื่อหักล้างสิ่งเหล่านี้ได้ และถึงแม้จะทำได้ เขาก็ต้องเสียเวลาและแรงกายอย่างมหาศาล

ทั้งนี้ แม้รูปถ่ายของทั้งสองคน ที่ Horizontal Institute ปล่อยออกมานั้นจะเป็นความจริง แต่สิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ข้อกล่าวอ้างทั้งหมดเป็นความจริง มีผู้คนจำนวนมากกำลังทุกข์ทรมานจากการที่พวกเขาหยิบยกประเด็นเพียงเล็กน้อยที่สามารถดึงดูดความสนใจของสาธารณชนได้ และตัดบริบทเบื้องหลังออกไป ทำให้ความจริงถูกบิดเบือน

ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทคิดว่ามุมมองและการวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนต่อเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ คิมซูฮยอน นั้น เป็นสิ่งที่ควรยอมรับ

อย่างไรก็ตาม เพียงเพราะ คิมซูฮยอน เป็นคนดัง เราจึงไม่สามารถยอมรับข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริงและการโจมตีส่วนตัวมากมายได้โดยไม่มีเงื่อนไข ปฏิกิริยาที่จะตามมาเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของ คิมซูฮยอน ซึ่งได้รับการเปิดเผยไปแล้วหรืออาจจะได้รับการเปิดเผยในอนาคต บีบบังคับให้ต้องอดทน แต่ผมอยากจะถามว่า ผู้ใหญ่ควรยอมรับถึงการเปิดเผยเรื่องราวในพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาโดยไม่ได้รับความยินยอม และต้องเผชิญกับสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ เนื่องจากความเป็นส่วนตัวที่ไม่ได้รับความยินยอมในการเปิดเผยต่อสาธารณะ หรือไม่

คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216
คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216
คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216
คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216
คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216
คิมซูฮยอน
ภาพจาก : soohyun_k216

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button