สื่อนอกเผยภาพ นรกบนดิน เหยื่อคอลเซ็นเตอร์ 7000 คน สุดหดหู่ เอธิโอเปียไม่มีค่าตั๋วกลับบ้าน

ส่งกลับเหยื่อขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 7000 ราย ที่อำเภอแม่สอดของประเทศไทย เบื้องหลังปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ เหยื่อบางคนการศึกษาสูง ถูกบังคับนั่งหน้าคอมพิวเตอร์นาน 16 ชม.ต่อวัน ชาวเอธิโอเปียประมาณ 130 คน รออยู่ที่ฐานทัพไทย ติดอยู่ที่นี่เพราะขาดค่าตั๋วเครื่องบิน 600 ดอลลาร์ ในเอชียสูญกับขบวนการค้ามทนุษย์เหล่านี้กว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ ระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียว
ภาพผู้คนนับพันทั้งชายและหญิงจากทั่วโลก นั่งเรียงรายเบียดเสียด สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและอ่อนล้า คือภาพสะท้อนของฝันร้ายที่ยังไม่จบสิ้น
ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่โดยทางการไทย จีน และเมียนมา เมื่อเดือนที่แล้ว นำไปสู่การช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กว่า 7,000 คน จากค่ายกักกันในเมียนมา ที่พวกเขาถูกบังคับให้หลอกลวงชาวอเมริกันและคนอื่นๆ ทั่วโลก แต่แทนที่จะได้กลับบ้าน แต่สำนักข่าวเอพีรายงานว่าเหยื่อเหล่านี้กลับต้องเผชิญกับชะตากรรมใหม่ในค่ายกักกันที่แออัด ไร้การดูแลทางการแพทย์ อาหารขาดแคลน และไม่รู้ชะตากรรม

ชายหนุ่มชาวอินเดียรายหนึ่งเผยว่า เขาถูกกักตัวร่วมกับผู้คนอีกราว 800 คน ในห้องน้ำสกปรก 10 ห้อง หลายคนมีไข้และไอ เขาและเหยื่อรายอื่นๆ ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพี ขอสงวนนาม เนื่องจากเกรงกลัวความปลอดภัย
“หากเราตายที่นี่เพราะปัญหาสุขภาพ ใครจะรับผิดชอบ?” เขาตั้งคำถาม
นี่คือปฏิบัติการช่วยเหลือแรงงานทาสครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนเตือนว่า ความพยายามครั้งแรกในการปราบปรามอุตสาหกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับกลายเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ขยายวงกว้าง
เหยื่อที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นเพียงเศษเสี้ยวของแรงงานทาสกว่า 300,000 คน ที่คาดว่าทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วภูมิภาค จากการประเมินของสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา กลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักวิเคราะห์ชี้ว่า เครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้จะยังคงดำเนินต่อไป หากไม่มีมาตรการที่เข้มงวดกว่านี้


ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ เหยื่อบางคนการศึกษาสูง ถูกบังคับให้นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน
เหยื่อเหล่านี้บางคนมีการศึกษาสูงและพูดภาษาอังกฤษคล่องแคล่ว ถูกหลอกไปยังประเทศไทยด้วยสัญญาว่าจ้างงานสำนักงานที่ร่ำรวย แต่กลับถูกขังในอาคารและบังคับให้นั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อหลอกลวงเหยื่อ หากปฏิเสธการทำงาน จะถูกทุบตี อดอาหาร และช็อตไฟฟ้า
“หนังสือเดินทางของผมถูกยึด ผมออกไปข้างนอกไม่ได้ ทุกอย่างเหมือนนรก นรกบนดิน” ชายชาวปากีสถานรายหนึ่งที่ติดกับดักกล่าวกับเอพี
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ดำเนินการจากค่ายกักกันเหล่านี้ เฟื่องฟูในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลอกลวงเหยื่อทั่วโลก

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติประเมินว่า ในปี 2023 มีเงินสูญเสียไป 18,000-37,000 ล้านดอลลาร์ในเอเชียเพียงปีเดียว โดยรัฐบาลแทบไม่ได้ดำเนินการใดๆ ต่อการแพร่กระจายของอุตสาหกรรมอาชญากรรมนี้
“ปักกิ่ง” เริ่มกดดันรัฐบาลในภูมิภาคให้ปราบปรามในปีนี้ หลังจากนักแสดงหนุ่มชาวจีนถูกลักลอบค้ามนุษย์ไปยังเมียนมา โดยกลุ่มคนที่สัญญาว่าจะให้งานแสดงในประเทศไทย แฟนสาวของเขาเป็นหัวหอกในการรณรงค์บนโซเชียลมีเดียจนเป็นกระแสไวรัล นำไปสู่การปล่อยตัว
หลังจากการช่วยเหลือครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนเดินทางเยือนประเทศไทยและเมียนมา เรียกร้องให้ยุติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ประเทศไทยตัดกระแสไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และก๊าซไปยังห้าเมืองชายแดนในเมียนมา
ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ปกครองพื้นที่ส่วนนี้ของเมียนมา-กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง หรือ “BGF” (Kayin Border Guard Force) และกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย “DKBA” (Democratic Kayin Buddhist Army) สอบถามเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์บางส่วนว่า ต้องการออกจากค่ายกักกันหรือไม่ จากนั้นก็พาพวกเขาออกมา



จากแรงงานทาส สู่ค่ายกักกัน
เมื่อจำนวนผู้ได้รับการปล่อยตัวเพิ่มขึ้นเป็นหลักพัน เหยื่อเหล่านี้กลับต้องติดอยู่ในการกักกันอย่างไม่มีกำหนด เพียงแค่ข้ามแม่น้ำแคบๆ ที่ไหลเชี่ยวไปอีกฝั่งก็เป็นอิสรภาพ
ส่วนใหญ่ถูกกักตัวในค่ายทหารที่ควบคุมโดยกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง หรือค่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ถูกดัดแปลง ซึ่งหลายคนอยู่ที่นั่นตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์
เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ชายและหญิงเหล่านี้ต้องใช้ชีวิตในสภาพที่ไม่ถูกสุขอนามัย นอนบนพื้น และกินอาหารที่ผู้คุมจัดหาให้ ในช่วงหนึ่ง กองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยงกล่าวว่า มีผู้คนกว่า 7,000 คน ถูกยัดเยียดอยู่ในสถานที่เหล่านี้ ขณะที่จีนเริ่มส่งพลเมืองของตนข้ามพรมแดนเพื่อขึ้นเครื่องบิน

ภาพถ่ายพิเศษที่เอพีได้รับ แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของผู้ถูกกักกัน พวกเขาสวมหน้ากากอนามัย หลายครั้งสองชั้น ปิดบังดวงตา จมูก และปาก ขณะที่พวกเขาซุกตัวอยู่ภายใต้การจับตามองของผู้คุมติดอาวุธ
“มันรู้สึกเหมือนเป็นพรที่เราออกมาจากกับดักนั้น แต่ความจริงคือทุกคนแค่อยากกลับบ้าน” ชายชาวอินเดียวัย 24 ปีอีกคนกล่าวเสียงเบาผ่านโทรศัพท์ที่ลักลอบนำเข้ามาจากภายในศูนย์กักกันชั่วคราว เขาขอสงวนชื่อ เนื่องจากเกรงกลัวความปลอดภัย และเพราะกลุ่มติดอาวุธที่คุมพวกเขาได้ยึดโทรศัพท์ไป
เหยื่อ 2 รายกล่าวกับเอพี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างพลเมืองจีนที่รอเดินทางกลับบ้านกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยที่คุมพวกเขา
รายชื่อที่ไม่ได้รับการยืนยันซึ่งได้รับจากทางการเมียนมาระบุว่า พวกเขากักตัวพลเมืองจาก 29 ประเทศ รวมถึงฟิลิปปินส์ เคนยา และสาธารณรัฐเช็ก

รอค่าตั๋วเครื่องบิน 600 ดอลลาร์ (1.9 หมื่นบาท)
ทางการไทยกล่าวว่า พวกเขาไม่สามารถอนุญาตให้ชาวต่างชาติข้ามพรมแดนจากเมียนมาได้ หากพวกเขาไม่สามารถถูกส่งกลับบ้านได้ทันที ทำให้หลายคนต้องรอความช่วยเหลือจากสถานทูตที่มาช้า
จีนส่งเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังสนามบินแม่สอดขนาดเล็กในวันพฤหัสบดี เพื่อรับพลเมืองของตน แต่รัฐบาลอื่นๆ ไม่กี่แห่งที่ทำเช่นนั้น มีชาวเอธิโอเปียประมาณ 130 คน รออยู่ที่ฐานทัพไทย ติดอยู่ที่นี่เพราะขาดค่าตั๋วเครื่องบิน 600 ดอลลาร์ (ประมาณ 19,400 บาท)
ชาวอินโดนีเซียหลายสิบคนถูกนำขึ้นรถบัสออกไปเมื่อเช้าวันหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เข็นกระเป๋าเดินทางและถือถุงพลาสติกพร้อมทรัพย์สินเพียงเล็กน้อย ขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน
เจ้าหน้าที่ไทยจัดการประชุมในสัปดาห์นี้กับตัวแทนจากสถานทูตต่างประเทศ สัญญาว่าจะดำเนินการ “โดยเร็วที่สุด” เพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือพลเมืองที่ติดกับดักได้ แต่พวกเขาเตือนว่า ประเทศไทยสามารถรับผู้คนได้เพียง 300 คนต่อวัน ลดลงจาก 500 คนก่อนหน้านี้ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ นอกจากนี้ยังประกาศว่าจะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สถานทูตข้ามเข้าไปในเมียนมาได้
“กระทรวงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และทราบว่ามีผู้ป่วย และพวกเขาจำเป็นต้องได้รับการส่งตัวกลับประเทศ” นายนิกรเดช บาลันกูระ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
สถานทูตอินเดียในกรุงเทพฯ ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็น กระทรวงการต่างประเทศเช็กกล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีพลเมืองเช็กอยู่ในกลุ่มผู้ถูกส่งตัวกลับประเทศหรือไม่ กล่าวว่ากำลังติดต่อกับสถานทูตในกรุงเทพฯ และย่างกุ้งในประเด็นนี้ และสถานทูตยังไม่ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือ.
ที่มา : apnews






อ่านข่าวเพิ่มเติม
- บุกจับ บุรพล หนุ่มไทยฟอกเงินคอลเซ็นเตอร์ ตุ๋นเพื่อนร่วมชาติวันละ 30 ล้าน
- ผลสอบแก๊งคอลเซนเตอร์ ส่งกลับ 260 คน ส่วนใหญ่คนแอฟริกาตั้งใจไปทำ
- หลิวจงอี้ ขอโทษคนไทย ทำรู้สึกรุกล้ำอธิปไตย ภูมิธรรมไม่ตำหนิ ส่งกลับ 50 คนจีน