ข่าวต่างประเทศ

สิงคโปร์ ใจป๋า แจกเงินประชาชน 2 หมื่นบาท ฉลอง 60 ปีประเทศ

สิงคโปร์ใจป้า แจกคูปองเงินสด SG60 2 หมื่นบาท ให้กับคนอายุ 21 ปีขึ้นไป คาดการณ์ 3 ล้านคน พร้อมลดหย่อนภาษี ฉลอง 60 ปี ก่อตั้งประเทศ

สิงคโปร์เตรียมฉลองครบรอบ 60 ปีอย่างยิ่งใหญ่ รัฐบาลประกาศจัดงบประมาณปี 2025 อัดฉีดมาตรการ “SG60 Package” แจกคูปองเงินสดให้ประชาชนสูงสุดถึง 800 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 21,600 บาท) พร้อมมาตรการลดหย่อนภาษี และของขวัญพิเศษสำหรับเด็กเกิดใหม่

Advertisements

นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง แถลงเมื่อวันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ ว่า ประชาชนสิงคโปร์ที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป จะได้รับ คูปองเงินสด SG60 มูลค่าสูงสุด 800 ดอลลาร์สิงคโปร์ รวมถึง การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 60% สำหรับปีประเมิน 2025 โดยมีเพดานสูงสุดที่ 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ ของขวัญ SG60 Baby Gift สำหรับทารกที่เกิดในปี 2025

นายกฯ ลี ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แพ็กเกจ SG60 นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ “แสดงความขอบคุณต่อการมีส่วนร่วมของชาวสิงคโปร์ทุกคน และแบ่งปันผลประโยชน์จากความก้าวหน้าของประเทศชาติ”

เฉพาะคูปอง SG60 อย่างเดียว คาดว่าจะใช้งบประมาณของรัฐบาลถึง 2.02 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 54,540 ล้านบาทไทย

คูปองเหล่านี้จะเริ่มแจกจ่ายในเดือนกรกฎาคม มีอายุการใช้งานถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2026 ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมประชาชนประมาณ 3 ล้านคน

“ผู้สูงอายุจะสามารถแลกรับคูปองได้ก่อน ส่วนประชาชนกลุ่มอื่น ๆ จะทยอยแลกรับได้ในภายหลัง” นายกฯ ลี กล่าว

Advertisements

คูปอง SG60 นี้ สามารถใช้ได้ในลักษณะเดียวกับคูปอง CDC (Community Development Council) โดยสามารถแลกรับในรูปแบบดิจิทัล และใช้จ่ายได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าในชุมชน และร้านแผงลอยที่เข้าร่วมโครงการ

นอกจากนี้ แพ็กเกจ SG60 ยังรวมถึง การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 60% แต่มีเพดานสูงสุดที่ 200 ดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อให้ประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับกลุ่มคนทำงานที่มีรายได้ปานกลาง

และสำหรับทารกสิงคโปร์ที่เกิดในปีนี้ จะได้รับ SG60 Baby Gift ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อินทราณี ราชา ได้ประกาศไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

นอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยตรง ในส่วนของการฉลองครบรอบ 60 ปีประเทศ รัฐบาลสิงคโปร์ยังเตรียมให้ เงินสนับสนุนค่าเช่าแผงค้า 600 ดอลลาร์สิงคโปร์ แบบครั้งเดียวแก่ผู้ค้าในศูนย์อาหารริมทาง (Hawker Centres) และตลาดสด ที่บริหารงานโดยรัฐบาล หรือผู้ประกอบการที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล

“ศูนย์อาหารริมทางและตลาดสดเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตของเรา” นายกฯ ลี กล่าว “ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบกว่าครึ่งศตวรรษนับตั้งแต่ที่เราสร้างศูนย์อาหารริมทางและตลาดสดแห่งแรก และเป็นวาระครบรอบ 5 ปีที่วัฒนธรรมฮอว์เกอร์ของเราได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ”

นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียม จัดสรรงบประมาณสูงสุด 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในช่วง 20-30 ปีข้างหน้า เพื่อปรับปรุงศูนย์อาหารริมทางและตลาดสดที่มีอายุเก่าแก่ และสร้างแห่งใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ค้าและประชาชน

นายกฯ ลี ยังประกาศ มอบเครดิต SG60 ActiveSG มูลค่า 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ ให้สมาชิก ActiveSG ทุกคน เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมกีฬา ร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง

อีกทั้งยังมีการมอบ SG Culture Pass บัตรเครดิต 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมให้ชาวสิงคโปร์เข้าร่วมกิจกรรมด้านศิลปะและวัฒนธรรม

ตั้งแต่เดือนกันยายนปีนี้เป็นต้นไป ชาวสิงคโปร์ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเครดิตเหล่านี้ ซึ่งสามารถใช้ได้กับการแสดงทางวัฒนธรรม นิทรรศการพิพิธภัณฑ์ และกิจกรรมอื่นๆ โดยเครดิตมีอายุการใช้งานถึงสิ้นปี 2028

ที่มา: CNA

ประวัติการก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ หนึ่งในชาติเอเชียที่ก้าวหน้าที่สุด สู่ประเทศพัฒนาแล้ว

ประเทศสิงคโปร์มีประวัติศาสตร์การก่อตั้งที่น่าสนใจและซับซ้อน จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ สู่การเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองในระดับโลกอย่างปัจจุบันนี้ค่ะ เพื่อให้เข้าใจถึงความเป็นมาของการก่อตั้งประเทศสิงคโปร์อย่างละเอียด เราจะย้อนอดีตไปดูเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ดังนี้ค่ะ

ยุคเริ่มต้น เทมาเส็ก (Temasek)

ก่อนที่สิงคโปร์จะเป็นที่รู้จักในชื่อปัจจุบัน ดินแดนแถบนี้เคยถูกเรียกว่า “เทมาเส็ก” (Temasek) ซึ่งปรากฏในบันทึกของจีนและชวามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เทมาเส็กเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดเล็กที่มีชาวประมงอาศัยอยู่ เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญบนเส้นทางการค้าระหว่างจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จุดเปลี่ยนสำคัญของสิงคโปร์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1819 เมื่อ เซอร์สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ (Sir Stamford Raffles) นักบริหารจากบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ (British East India Company) เดินทางมาถึงสิงคโปร์ในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1819

ในเวลานั้น อังกฤษกำลังมองหาจุดยุทธศาสตร์ใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อขยายอิทธิพลทางการค้าและแข่งขันกับอิทธิพลของดัตช์ที่แผ่ขยายอยู่ในบริเวณช่องแคบมะละกา แรฟเฟิลส์มองเห็นศักยภาพของสิงคโปร์ในฐานะท่าเรือน้ำลึกที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม สามารถควบคุมเส้นทางการค้าที่สำคัญได้ แม้ว่าเกาะสิงคโปร์ในขณะนั้นจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐสุลต่านยะโฮร์-เรียว (Johor-Riau Sultanate) แต่แรฟเฟิลส์ก็เจรจาต่อรองกับสุลต่านท้องถิ่น และในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1819 ได้ลงนามในสนธิสัญญาเพื่อจัดตั้งสถานีการค้าของอังกฤษขึ้นที่สิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการก่อตั้ง สิงคโปร์ยุคใหม่ ขึ้น

การเติบโตภายใต้การปกครองของอังกฤษ

ภายใต้การบริหารจัดการของอังกฤษ สิงคโปร์เติบโตอย่างรวดเร็วจากสถานีการค้าเล็กๆ กลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญระดับภูมิภาค นโยบายการค้าเสรีของอังกฤษดึงดูดพ่อค้า นักลงทุน และผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งจีน มาเลย์ อินเดีย และชาติอื่นๆ ให้เข้ามาตั้งรกรากและทำการค้าในสิงคโปร์

สิงคโปร์กลายเป็นท่าเรือสำคัญสำหรับการค้าสินค้า เช่น ชา ฝิ่น เครื่องเทศ ผ้าไหม และสินค้าจากทั่วโลก อังกฤษยังได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในสิงคโปร์ ทั้งท่าเรือ ถนน ระบบสาธารณูปโภค และการบริหารราชการ ทำให้สิงคโปร์มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง

สงครามโลกครั้งที่ 2 และการยึดครองของญี่ปุ่น

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สิงคโปร์ถูกกองทัพญี่ปุ่นบุกยึดครองในปี ค.ศ. 1942 เหตุการณ์นี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของอังกฤษและเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์สิงคโปร์ การยึดครองของญี่ปุ่นทำให้ชาวสิงคโปร์ตระหนักถึงความเปราะบางของการอยู่ภายใต้การปกครองของชาติอื่น และเริ่มเรียกร้องเอกราชมากขึ้น

การรวมชาติกับมาลายาและการแยกตัว (ค.ศ. 1963-1965)

หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด กระแสเรียกร้องเอกราชในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทวีความรุนแรงขึ้น สิงคโปร์ก็เช่นกันที่ต้องการปกครองตนเอง ในที่สุด ในปี ค.ศ. 1963 สิงคโปร์ได้รวมชาติกับสหพันธรัฐมาลายา (Federation of Malaya) บอร์เนียวเหนือ (North Borneo) และซาราวัก (Sarawak) ก่อตั้งเป็นประเทศ มาเลเซีย (Malaysia) โดยหวังว่าจะสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการเมืองร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม การรวมชาติครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่นนัก ความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ศาสนา และแนวคิดทางการเมืองระหว่างสิงคโปร์ซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวจีน กับรัฐบาลกลางมาเลเซียที่มีชาวมาเลย์เป็นหลัก ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด ด้วยความเห็นไม่ลงรอยและเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งรุนแรง สิงคโปร์จึงตัดสินใจแยกตัวออกจากมาเลเซีย และประกาศเอกราชในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965

สิงคโปร์ในฐานะรัฐอิสระ

การแยกตัวออกจากมาเลเซียเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Republic of Singapore) อย่างเป็นทางการ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่สิงคโปร์เผชิญกับความท้าทายอย่างใหญ่หลวง สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ ไม่มีแหล่งน้ำจืด และมีปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติอย่างรุนแรง อนาคตของสิงคโปร์ในเวลานั้นดูเหมือนจะมืดมน

ภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรี ลีกวนยู (Lee Kuan Yew) สิงคโปร์เริ่มต้นการเดินทางเพื่อสร้างชาติอย่างจริงจัง รัฐบาลสิงคโปร์มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง โดยใช้ยุทธศาสตร์สำคัญคือ:

  • สร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุนต่างชาติ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและเทคโนโลยีจากทั่วโลก
  • เปลี่ยนผ่านจากประเทศที่พึ่งพาการค้า เป็นประเทศที่มีภาคอุตสาหกรรมและบริการที่แข็งแกร่ง
  • ให้ความสำคัญกับการศึกษาและการฝึกอบรม สร้างประชากรที่มีคุณภาพและทักษะสูง
  • สร้างเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและประชาชน

ด้วยนโยบายที่เฉียบแหลมและการบริหารประเทศอย่างมีวิสัยทัศน์ สิงคโปร์สามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆ และพลิกผันสถานการณ์จากประเทศเล็กๆ ที่ยากจน กลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งและมีมาตรฐานการครองชีพสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

สิงคโปร์ 2025

ปัจจุบัน สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในทุกด้าน เป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า และเทคโนโลยีระดับโลก สิงคโปร์ยังเป็นที่รู้จักในด้านความสะอาด ความปลอดภัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่สิงคโปร์ก็มีบทบาทสำคัญในเวทีโลก และเป็นต้นแบบของการพัฒนาประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button