‘วิลลี่’ เปิดใจครั้งแรก หลังสูญเสียคุณแม่
วิลลี่ เปิดใจครั้งแรก หลังสูญเสียคุณแม่ อย่างกะทันที่ประเทศอังกฤษ เผยว่าคุณแม่มีอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ตอนนี้ทำใจได้แล้วชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป
หลังจากที่สุญเสียคุณแม่อย่างกะทันหัน ล่าสุด วิลลี่ แมคอินทอช ออกมา เปิดใจครั้งแรก ในรายการคุยแซ่บโชว์ พร้อมควงแขนเพื่อนสนิทอย่าง เสนาหอย มาพูดคุยเรื่องลับ ๆ ที่แกล้งกันจนน้ำตาเล็ด พร้อมเผยว่าสาเหตุการจากไปของคุณแม่ว่ามีอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในตอนเช้าที่ประเทศอังกฤษ
วิลลี่ แมคอินทอช ได้ออกออกมาเปิดเผยถึงเรื่องราวชีวิตที่ต้องเข้มแข็งและเป็นหัวหน้าครอบครัว หลังคุณแม่ยุรภรณ์ แมคอินทอช วัย 86 ปี จากไปอย่างกะทันหันที่ประเทศอังกฤษ พร้อมเปิดใจในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One 31 ที่มี พีเค ปิยวัฒน์ และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร
หลังจากที่สูญเสียคุณแม่ไป ตอนนี้โอเคขึ้นหรือยังครับ ?
วิลลี่ : ตอนนี้โอเคแล้วครับ จริงๆ โอเคมาตั้งแต่วันที่ 3 หลังคุณแม่เสียแล้ว เพราะเราจะรู้ว่าคนเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน เขาจะรู้ตัว พอเขามองกลับมาเขาจะเห็นว่าลูก ๆ อยู่ได้ ไม่ใช่ว่ายังติดพันอยู่กับความทุกข์ทรมานต้องเดินหน้าให้ได้ คือถ้าผมเกิดเป็นอะไรไป
ลูกผมต้องอยู่ให้ได้เท่านี้แหละที่พ่อแม่ต้องการ เราก็จัดงานให้ดีที่สุด ทำทุกอย่างให้ถูกต้องดีที่สุด หลังจากนั้นเราก็ต้องเดินหน้า เราก็จะจำในสิ่งดี ๆ ของคุณแม่เอาไว้ นึกถึงแม่แล้วไม่ร้องไห้ นึกถึงแม่แล้วต้องยิ้มเพราะแม่ผมก็ตลกเหมือนผม
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราสอนตัวเอง หรือมีคนสอนเรามาเรื่องสามวัน ?
วิลลี่ : คือมีคนทักมาเรื่อง 3 วันว่าคนตายเขารู้แล้วนะว่าเขาตายแล้ว เพราะฉะนั้นผมเลยบอกแหม่มว่า เออถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาอยากเห็นลูกเขาเป็นยังไง เขาอยากเห็นเราอยู่ได้ใช่ไหม เขาจะได้สบายใจ คนตายจะได้สบายใจ หลังจากนี้อยู่กันได้แล้วก็ค่อนข้างจะแฮปปี้แสงสว่างที่เป็นถ้ำออกมาเขาจะได้เดินไปเลย คุณจะไปขึ้นสวรรค์หรือจะทำอะไรจะได้ไม่ต้องกังวล
ณ วันที่เกิดเรื่องขึ้นมันไวมาก คือไปเที่ยวหรือทำอะไร ?
วิลลี่ : ใช่ มันเกิดขึ้นไวมาก ช็อกเลยแหละ ตอนนั้นไปเที่ยวรวมญาติประมาน 20 กว่าคนที่บินมาจากทุกประเทศมาเจอกันที่อังกฤษ แล้วก็มาเช่าบ้านอยู่ ทำอาหารกินกัน ผมก็รับหน้าที่หุงข้าว ซึ่งเป็นหม้อเล็ก วันๆ เลยไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากหุงข้าว วนอยู่แบบนี้ 20 กว่าวัน
วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
วิลลี่ : วันนั้นมันคือเช้าวันที่เราเตรียมตัวจะกลับเมืองไทย ไฟต์ตอนเที่ยง เพราะฉะนั้นผมก็บอกทุกคนว่าเดี๋ยวผมจะเอากระเป๋าลงไปล็อบบี้ ซึ่งทุกคนก็แต่งตัวอาบน้ำ แล้วผมก็บอกว่าเดี๋ยวมารับคุณแม่ไปทานอาหารเช้า ผมก็หิ้วกระเป๋าลงไป ก็บอกพนักงานว่าเอารถเข็นไปขนกระเป๋าที่เหลือข้างบน
ซึ่งก็มีพนักงานขึ้นไปกับผมข้างบนหนึ่งคน ขึ้นไปถึงก็อ่าว.. ทำไมลูกถึงไม่อาบน้ำแต่งตัว อ่อ คุณย่ายังไม่ออกมาจากห้องน้ำ เราก็บอกว่านานแล้วนะ ก็เลยเปิดประตูเข้าไปดูตอนนั้นให้พนักงานช่วยพอเข้าไปมือคุณแม่ยังกำแปรงสีฟันอยู่ ก็เป็นหน้าที่เราจับว่าคุณแม่ยังหายใจอยู่หรือเปล่า
แล้วก็เรียกคนมาเพื่อปั้มหัวใจ แต่ก็ปั้มไม่ขึ้นแล้วในขณะที่ปั้มเราก็บอกแหม่มว่าคุณแม่ไม่หายใจแล้วนะ ไม่รู้ว่าจะปั้มขึ้นหรือเปล่า หลังจากนั้นแหม่มก็มา ตำรวจก็มา เขาก็ปั้มหัวใจไปเรื่อย ๆ
เราก็นั่งมอง และก็หันมาบอกว่ารู้รึเปล่าว่าญาติถึงจะบอกให้หยุดได้ และเขาก็ปั้มมา 20 นาทีกว่าแล้วเราก็บอกให้หยุดเถอะ เพราะรู้ว่าคุณแม่คงไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วจะได้ขั้นตอนต่อไปได้
อาการก็คือหัวใจล้มเหลวเฉียบพัน มันจะเกิดขึ้นตอนเช้า อย่างที่คุณหมออธิบายคือตอนที่เราหลับอยู่เลือดเราเดินช้ามาก ถ้าเรามีปัญหาเรื่องหลอดเลือดหรืออะไรอยู่แล้ว และไฟต์เช้าพอคนปลุกปุ๊บแล้วรีบลุกขึ้นมาจับเสื้อผ้าทำนั่นทำนี่ นี่แหละที่จะทำให้หัวใจวาย
คุณแม่อายุเท่าไหร่ ?
วิลลี่ : 86 ครับ ตอนนั้นเราอยู่ที่ห้อง 501 ท่านเสียตอน 7.48 นาที
ก่อนหน้านี้ท่านมีอาการอะไรมั้ย ?
วิลลี่ : ไม่มีแค่อ้วนหน่อยหนึ่ง และก็เหนื่อยง่ายขึ้นบันไดลงบันได ที่เหลือก็ไม่มีอะไรผมก็มีรถเข็นให้แก คุณแม่ก็ยังแข็งแรงอยู่
พี่หอยรู้ข่าวเมื่อไหร่ครับ ?
เสนาหอย : รู้ข่าวก็ตกใจมาก น้องที่ออฟฟิศ (เลขา) โทรมาบอกว่าแม่เสียแล้วนะคะ ตอนแรกเราก็นึกว่าแม่ของเราก็ตกใจหมด เพราะแม่อยู่ข้างล่าง เมื่อกี้เพิ่งเจอกันข้างล่าง เขาก็บอกว่าแม่พี่วิลลี่ คือจะบอกก่อนเลยว่าก่อนที่แม่เขาจะเสียเราเจอกันแม่ยังแข็งแรงสดชื่นทุกอย่าง
วิลลี่ : เขาสนิทกับแม่ผมมาก เรียกกันว่าน้องสาวกับพี่หอย
เสนาหอย : จริง ๆ เราค่อนข้างที่จะสนิทกัน ไปที่บ้านทีไรก็จะคุยกัน พอทราบข่าวก็ตกใจว่าที่อังกฤษ เราก็เลยโทรกลับไปหาวิลลี่เลยตอนนั้น เขาก็บอกว่าแม่เสียแล้ว เราก็ถามว่าจะเอากลับมายังไง เขาก็ถามว่ามึงมีเครื่องบินส่วนตัวมั้ยเราก็ตอบว่าส่วนตัวเราไม่มีเดี๋ยวหาให้ คือจริงๆ แล้ววิลลี่ค่อนข้างเข้มแข็ง
วิลลี่ : จริง ๆ วันแรก ๆ งงเป็นไก่ตาแตกเลย คือถ้าอยู่เมืองไทยเรายังควบคุมอะไรได้ พอเสียที่อังกฤษก็งง ไม่รู้ขั้นตอนมันเป็นยังไง อะไรก่อนอะไรหลัง วันที่ตำรวจมาและไม่พบหลักฐานฆาตกรรม คือการตายด้วยธรรมชาติ ก็ส่งต่อไปห้องเย็น
และคนที่มารับคุณแม่ไปก็บอกเราว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายนะ ที่ได้เห็นใบหน้าคุณแม่ตามระบบที่อังกฤษ เพราะฉะนั้นคุณจะถ่ายรูปหรืออะไรก็ต้องทำเลย เพราะถ้าหลุดจากตรงนี้ไปแล้วไม่เหมือนเมืองไทยที่มีพิธีกรรมนะ คนอังกฤษไม่ได้มีที่จัดการเยอะเหมือนเมืองไทยต้องต่อคิว
ทำใจยังไง เพราะมันคือวุ่นวายหมดเลย ?
วิลลี่ : ผมก็ถ่ายรูปคุณแม่เก็บไว้ตอนที่คุณแม่นอนอยู่ แล้วแหม่มก็มาผมก็คุยกับแม่ ผมก็แฮปปี้ที่คุณแม่ไม่ทรมาน ถ้าปั้มหัวใจขึ้นมาแล้วแม่อยู่ในสภาพติดเตียง นั่นเป็นสิ่งที่คนแก่เขาไม่อยากได้ที่สุด ไปแบบนี้พี่ว่ามีบุญมากเลยไม่ทรมาน
เอาความเข้มแข็งมาจากไหน ?
วิลลี่ : คือผมเป็นพี่ชายแหม่มด้วยไง แล้วกลายว่าเราก็ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว คือผมอ่านเกมและผมเป็นเหมือนแม่ด้วยคือหัวเราะ ตลก สนุก แต่เวลาจัดการอะไรก็ต้องเคาะจัดการให้เสร็จ แล้วก็มีหน้าที่ต้องทำ
ใครจะอ่อนแอยังไงก็ว่ากันอีกที แต่เราก็ต้องเป็นแกนหลักเสาที่คนสามารถพิงเราได้ แหม่มก็เป๋นานมาก ถ้าคุณได้เห็นเขาล่าสุดเขาจะผอมมาก นอกจากจะลองโควิดแล้วยังมีเรื่องคุณแม่อีก
พี่หอยให้กำลังใจยังไง เพราะปกติจะสดใสร่าเริงกัน ?
เสนาหอย : ผมรู้ว่าวิลลี่เขาแข็งแกร่งมาก เขาต้องกลับมาก่อนแล้ว คุณแม่ต้องอยู่ที่นู้นแล้วน้องแหม่มก็ต้องทำอะไรให้เรียบร้อย วิลลี่เขาต้องกลับมาทำงาน งานแรกก็เจอกันเลยเราก็ตบหลังแล้วก็มอง คือไม่ต้องพูดเลย ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่โทรหากันด้วย เขาก็เดินหน้าต่อ เขาก็ไปได้
เห็นว่างานศพคุณแม่พี่วิลลี่ พี่หอยมีแหกกฎตัวเองด้วยมันยังไง ?
เสนาหอย : สินแสที่ดูแลพวกเราอยู่ เขาบอกผมว่าไม่ควรไปงานศพ ปกติผมจะไม่ไปงานศพอยู่แล้ว แต่งานเพื่อนงานน้องก็เลยแหกกฏครั้งเดียว
ตั้งแต่เกิดเรื่อง เคยมีเสียน้ำตามั้ย ?
วิลลี่ : 2-3 วันแรก ร้องไห้ทุกคนก็เห็นเลย เราอยู่ที่พักต่างประเทศ พอคุณแม่เสียทุกคนก็ร้อง นั่งร้องไห้กันหมด 2-3 วันแรกคือมันเร็ว และไม่อยากจะเชื่อ คือถ้าคุณแม่เราไม่สบายเห็นคุณแม่ทรมานอยู่โรงพยาบาล สัก 3-4 เดือนเราจะรู้ว่าท่านเสียเลยดีกว่าทรมาน
แต่นี่ยังคุยกันอยู่และไปเลย ยังงง เราจะเอาของแม่ไปไว้ไหน อะไรยังไง คือจัดการกันวุ่นวายไปหมด เพราะเราไม่คุ้นเคยเป็นนักท่องเที่ยวและเสียต่างประเทศ เรื่องนี้บอกเลยถ้าอั้นได้ให้อั้มมาเสียเมืองไทยจะไม่วุ่นวาย เพราะว่าสถานฑูตที่ไทยช่องเต็มที่ยังใช้เวลา 50 วัน กว่าจะพาคุณแม่กลับมาได้ และกลับมาแค่อัฐิ ถ้าเอาร่างกลับมาก็จะนานกว่า 50 วันอีก
ในฐานะที่คุณแม่ไปไวมาก ยังมีอะไรค้างในใจมั้ย ?
วิลลี่ : ไม่มีนะ ผมว่าผมทำหน้าที่ของผมได้ดีที่สุด เพราะแม่ผมค่อนข้างจะแฮปปี้มากกลับทริปนี้ คือแม่เก็บของประมานเดือนครึ่งก่อนไป แพ็กกระเป๋าใบใหญ่แต่ไม่มีอะไรเลย นอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เส้นหมี่
เครื่องแกง และของที่จะไปแจกญาติ ซองแดงแจกหลานอังเปา เราก็รู้สึกว่า เออเหมือนเขาก็รู้เหมือนกันว่าเป็นการรวมตัวกันของญาติครั้งสุดท้ายท่านก็ได้ให้อังเปาแจกทุกคน