คุณคงเคยได้ยินคำกล่าวว่า “ความลับไม่มีในโลก” ต่อให้เราหลอกคนอื่นได้ แต่เราก็หลอกตัวเองไม่ได้อยู่ดี วันนี้ The Thaiger จะพาคุณไปดู ภาษากายของคนโกหก สังเกตสิ่งเหล่านี้ด้วยตาเปล่าดู ทั้งท่าทาง สายตา สีหน้า การพูด แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งที่เอ่ยออกมาเป็นความจริงหรือไม่ มาดูสัญญาณของการโกหก 15 ข้อที่ร่างกายแสดงออกมากัน
15 ความจริงที่ปิดไม่มิด “ภาษากายของคนโกหก”
- เปลี่ยนตำแหน่งของร่างกายอย่างรวดเร็ว
หากคุณเห็นใครสักคนมีการขยับหัวทันทีที่คุณถามคำถามออกไป ก็เป็นไปได้ค่ะว่าเขากำลังโกหกคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการขยับหัวลักษณะใดก็ตาม ทั้งก้ม หด เอียงหัว พฤติกรรมเหล่านี้จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติก่อนที่บุคคลนั้นจะตอบคำถาม
- จังหวะการหายใจเปลี่ยน
การเปลี่ยนการหายใจไว้ว่าเป็นพฤติกรรม “สะท้อนกลับ” ในที่นี้หมายความว่าเมื่อสิ่งที่กล่าวออกมาเป็นเรื่องโกหก อัตราการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนของเลือดก็จะเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ผู้พูดรู้สึกประหม่าหรือตึงเครียด และแสดงออกมาให้เห็นชัดผ่านการหายใจของคน หัวไหล่อาจจะยกขึ้นและเสียงพูดสูงขึ้นนั่นเอง
- พูดคำเดิมหรือประโยคเดิมซ้ำ ๆ
คนโกหกแสดงอาการเช่นนี้เป็นได้ว่ามีจุดประสงค์ 2 อย่างค่ะ อย่างแรกคือพยายามโน้มน้าวใจผู้ฟัง รวมถึงตัวของเขาให้เชื่ออยู่นั่นเอง กลาสระบุว่าคนที่โกหกมักจะพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ อย่าง “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ” ส่วนอีกข้อคือเป็นการถ่วงเวลาเมื่อถูกถามคำถามอย่างต่อเนื่อง เพราะในหัวจะได้มีเวลาคิดว่าจะพูดอะไรต่อไปดี
- ใช้มือปิดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายตามสัญชาตญาณ
อาจมีการใช้มือจับไปที่ท้ายทอย คอ หน้าอก ศีรษะ หรือท้อง โดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะเป็นพฤติกรรมที่ออกมาโดยสัญชาตญาณนั่นเอง
- ซ่อนมือในตำแหน่งที่คู่สนทนาจะมองไม่เห็น
เป็นการแสดงออกถึงความอึดอัดหรือกำลังปิดบังบางสิ่งจากคู่สนทนาอยู่ แต่เนื่องจากไม่สามารถออกไปจากสถานการณ์ตรงนั้นได้ จึงแสดงออกด้วยการซ่อนมือจากคู่สนทนาแทน
- เอามือป้องหรือแตะที่ปาก
การยกมือมาป้องหรือแตะบริเวณริมฝีปาก เป็นการแสดงถึงความรู้สึกว่าไม่อยากรับมือ ตอบคำถาม หรือพูดความจริงบางอย่างออกมา
- กระดิกเท้า
ดอกเตอร์กิลเลียน กลาส ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาษากาย กล่าวว่า วิธีหนึ่งที่จะดูว่าผู้พูดกำลังโกหกอยู่หรือไม่คือให้ดูที่ “เท้า” ของพวกเขา หากมีการกระดิกเท้า สั่นเท้า อาจบ่งบอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกประหม่าและอึดอัดอยู่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณหนึ่งของการพูดโกหก
- ให้ข้อมูลมากเกินความพอดี
นอกจากนี้กลาสยังกล่าวอีกว่า คนที่พูดโกหกบางรายอาจมีการให้ข้อมูลที่มากเกินหรือละเอียดเกินจำเป็น เพราะพวกเขาเชื่อว่ายิ่งพยายามแสดงความจริงใจและเปิดเผย ก็จะยิ่งทำให้ผู้ฟังเชื่อมากขึ้นเท่านั้น ทำให้หลายครั้งที่มีการให้ข้อมูลที่ไม่ได้ร้องขอก็มีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียวว่าพวกเขากำลังพูดโกหกอยู่
- เริ่มต้นโวยวายด้วยการชี้นิ้ว
หากผู้พูดรู้สึกว่าผู้ฟังทำท่าเหมือนจับได้ว่ากำลังฟังเรื่องโกหก พวกเขาจะเริ่มแสดงอารมณ์ออกมา เริ่มโวยวาย ชี้นิ้ว เพื่อพลิกสถานการณ์ให้ตัวเอง นั่นก็เพราะว่าผู้ที่โกหกกำลังโมโหที่รู้สึกว่าตัวเองตกเป็นรอง
- ไม่รู้จะพูดอะไร
ผู้ที่โกหกอาจจะมีพฤติกรรมทางกายที่แสดงออกมาผ่านใบหน้า อย่างเช่น กัดริมฝีปาก เม้มปาก สาเหตุมาจากความเครียดที่เกิดขึ้นภายใน ส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้การผลิตน้ำลายของต่อมน้ำลายลดลง ดังนั้นผู้พูดโกหกจึงมีอาการคอแห้งผาก ฝืดคอ พูดอะไรไม่ออกนั่นเอง
- จ้องตาค้างและแทบไม่กะพริบตา หรือกะพริบตาถี่จนเกินไป
บางรายเมื่อพูดโกหกก็อาจแสดงออกด้วยการหลบสายตา แต่บางรายก็อาจเลือกที่จะสบตาของคุณตรง ๆ และพยายามจ้องจนตาไม่กะพริบ ซึ่งอาจเป็นการแสดงออกถึงการข่มขู่หรือใช้สายตาควบคุมให้เชื่อในสิ่งที่พูดอยู่ก็เป็นได้ นอกจากนี้การกะพริบตาถี่จนเกินไปก็เป็นสัญญาณที่ชี้ว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่ได้เช่นเดียวกัน
- กลอกลูกตาไปทางขวา
ลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่าเวลาคุณมีเรื่องให้คิด ลูกตาคุณอยู่ ๆ ก็กลอกไปด้านขวาหรือเปล่า เพราะนี่เป็นสัญญาณหนึ่งของร่างกายที่เป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อผู้พูดกำลังคิดอะไรในหัว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้พูดกำลังโกหกได้ค่ะ
- เหงื่อเริ่มออก
เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่สังเกตได้ง่ายมาก เนื่องจากคนที่โกหกจะรู้สึกประหม่ากลัวว่าจะถูกจับได้ เกิดภาวะเครียดหรือตื่นเต้น โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากจะชุ่มเหงื่อเป็นพิเศษ ริมฝีปากแห้ง ผลมาจากการที่ระบบประสาทอัตโนมัติในร่างกายกำลังทำงานอย่างหนักเลย
- เริ่มอยู่ไม่สุข
อาการกระสับกระส่ายและอยู่ไม่สุขอาจมาจากผู้พูดกำลังกล่าวคำโกหก แต่อีกนัยหนึ่งก็มาจากความกังวลตามนิสัยปกติของผู้พูดได้เช่นกัน
- เอนตัวออกห่าง
เป็นไปได้ว่าผู้ที่โกหกกำลังสร้างระยะห่างและกำลังปฏิเสธการเผชิญหน้ากับผู้ฟัง ดังนั้นร่างกายจึงแสดงออกด้วยการถอยตัวห่างหรือเอนตัวออกนั่นเอง
แม้ว่าท่าทางการแสดงออกจะตีความได้หลายอย่าง แต่ท่าทางเหล่านี้ก็สามารถนำไปประกอบการพิจารณาได้ส่วนหนึ่ง เพราะต่อให้เราจะควบคุมจิตใจหรือท่าทางการแสดงออกได้ดีแค่ไหน แต่ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางปกปิดได้ตลอดไป ทางที่ดีเราควรจริงใจ พูดความจริงตั้งแต่ต้น จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากลบเกลื่อนให้คนคอยจับตานั่นเองค่ะ
อ้างอิงจาก 1
- วิธีจับโกหก แบบง่าย ๆ 5 วิธี ไม่ต้องตีความภาษากายให้ยุ่งยาก
- มัดรวม 200 คำคมเดือนมีนา แคปชั่นเดือนมีนาคม ประโยคไหนก็ปัง
- เปลี่ยนเวลารูปภาพในไอโฟน ทำได้จริงหรือไม่
? ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน The Thaiger