ข่าวการถูกแบนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาของ หัวเหว่ย กลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลก สื่อทุกสำนักตีพิมพ์ข่าวการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่นี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ แม่กระทั่งผู้ที่ไม่ให้ความสนใจโลกของสมาร์ทโฟนหรือเทคโนโลยี ยังต้องตระหนัก นั่นเป็นการตอกย้ำว่า วงการเทคโนโลยีนั้น ยิ่งใหญ่และส่งผลต่อวางการธุรกิจอื่นมากแค่ไหน 
อย่างที่ทราบกันดีว่าสาเหตุหลักที่รัฐบาลสหรัฐฯตัดสินใจแบนหัวเหว่ยในครั้งนี้ ปัจจัยหลักๆนั่นคือเหตุผลทางความมั่นคงของประเทศ และเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย คำถามหลักๆคือ ใคร(ในสายสมาร์ทโฟน)จะเป็นผู้ได้ผลประโยชน์จากการกระทำครั้งนี้ เมื่อหัวเหว่ยที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ถูกเขี่ยออกไป 
คำตอบก็คงหนีไม่พ้นเจ้าใหญ่อย่าง Samsung แบรนด์ดังจากเกาหลีใต้ ที่ดูเหมือนจะเตรียมตัวมาดี เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่จะกระโดดข้ามจากฝั่งหัวเหว่ยเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการขยายตลาดโดยการปล่อยสมาร์ทโฟนรุ่นกลางอย่าง A ซีรี่ย์ และรุ่นเรือธงอย่าง S ซีรี่ย์ อีกทั้ง Note 10 ที่จ่อเปิดตัวในอีกไม่นานนี้ และนับวันยิ่งเป็นที่จับตามอง. การถูกแบนของหัวเหว่ยถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ซัมซุงจะหาได้แล้ว.
ในส่วนแบรนด์จีน ที่คาดว่าจะมีโอกาสขึ้นมาแทนหัวเหว่ยก็คงจะหนีไม่พ้น Xiaomi ที่ตอนนี้ขยายตลาดไปทั่วเอเชีย, ยุโรป, อเมริกาใต้ ตอนนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 4 ในท็อปชาร์ตโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว, แต่ หากต้องการขึ้นมายืนในที่ที่หัวเหว่ยอยู่ Xiaomi คงต้องมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ ทั้งเรื่องของเทคโนโลยี ชิพเซ็ต กล้อง และอื่นๆ แต่จุดเด่นที่น่ากล้วของ Xiaomi คือการมีสมาร์ทโฟนที่คุณภาพระดับ high-end กับราคาที่ดูเป็นมิตรมากกว่าค่ายอื่น 
ในส่วนของอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค หลังจากทั่วหัวเหว่ยที่เคยเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในถูกกำจัดออกไป ก็ดูเหมือนว่าจะยังมีผู้เล่นอีกหลายเจ้าที่ยังอยู่ในเกม เช่น Samsung, Nokia, Ericsson, Qualcomm, Intel และบริษัทเล็กๆอีกมากมาย
คงต้องรอดูกันต่อไปว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะมีท่าทีอะไรเปลี่ยนแหลงไปจากนี้หรือเปล่า และผู้เล่นรายอื่นๆจะให้วีธีการได้ในการคว้าโอกาสทองครั้งนี้ เพื่อทำให้ตนเองก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นรายใหม่ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก
