ข่าว

“วรา” ฟาดแรง ซัดอาจารย์ NIDA เหยียดชาติกำเนิด “ไอซ์ รักชนก” ลั่นเป็นการกระทำต่ำช้า

“วรา จันทร์มณี” ประณามอาจารย์ดัง เหยียดชาติกำเนิด “ไอซ์ รักชนก” ชี้เป็นการกระทำไร้จริยธรรม วอนสังคมอย่าให้ค่าคนดูถูกเพื่อนมนุษย์

นายวรา จันทร์มณี เลขาธิการเครือข่ายประชาชนเข้มแข็ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ต่อกรณีที่ รศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความเกี่ยวกับประวัติและชีวิตส่วนตัวของ รักชนก ศรีนอก อดีต สส.กทม.พรรคประชาชน โดยระบุว่า

ในฐานะศิษย์เก่า NIDA แม้จะจบการศึกษามานานแล้ว แต่เมื่อทราบว่ามีอาจารย์คนหนึ่งได้ด้อยค่าดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคุณรักชนก ศรีนอก ผมก็ยากจะนิ่งเฉยอยู่ได้ การกระทำนี้ ทำให้ผมรู้สึกหดหู่และละอายใจแทนสถาบัน ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในสถาบันการศึกษาระดับหลังปริญญาตรี ผมต้องขอโทษคุณรักชนก และขอประณามการกระทำของอาจารย์ดังกล่าว อีกทั้งขอเรียกร้องให้ผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้

ในสังคมที่เจริญแล้ว เราวัดคุณค่าของบุคคลจากความสามารถ ความเสียสละ ความรับผิดชอบ และสิ่งที่เขาทำให้กับส่วนรวม เป็นเรื่องน่าสลดใจที่เห็นบุคคลซึ่งเป็นนักวิชาการ ไปดูหมิ่นชาติกำเนิดและปูมหลังครอบครัวซึ่งมนุษย์ทุกคนเลือกไม่ได้ มาเป็นอาวุธในการเชือดเฉือนด้อยค่าเพื่อนมนุษย์อย่างโหดร้ายไร้จริยธรรม

โพสต์ของนักวิชาการระดับ ผศ.ดร. ได้กล่าวถึงคุณรักชนก ด้วยถ้อยคำดูหมิ่นเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ การระบุถึงอาชีพของบิดามารดาหรือสภาพแวดล้อมในวัยเด็กด้วยถ้อยคำลดทอนคุณค่า ไม่ได้สะท้อนถึงความฉลาดทางสติปัญญา แต่มันกลับเปลือยให้เห็นถึงความไร้จริยธรรม และการไร้วุฒิภาวะทางอารมณ์ของผู้ที่มีคำนำหน้าชื่อว่าอาจารย์

การหยิบยกเรื่องครอบครัวหรือบาดแผลในอดีตมาโจมตีผู้อื่น (Ad Hominem) คือเครื่องยืนยันความพ่ายแพ้ในการถกเถียงด้วยเหตุผล เมื่อไม่สามารถหักล้างอุดมการณ์หรือผลงานของนักการเมืองรุ่นใหม่ด้วยตรรกะได้ จึงต้องหันไปพึ่งพาอคติทางชนชั้น เพื่อสร้างภาพลักษณ์ทางลบ การใช้คำอย่าง “แมงดา” หรือ “ซ่อง” ไม่ใช่เพียงแค่การใช้ Hate Speech แต่เป็นการแสดงออกถึงจิตใจที่หยาบกระด้าง แทนที่จะเป็นแบบอย่างในสิ่งที่ดีงาม กลับกระทำต่ำช้าเป็นตัวแบบที่ไร้มนุษยธรรม ส่งเสริมให้สังคมเสื่อมทรามลงไปอีก

ในทางกลับกัน ชีวิตของคุณรักชนกคือภาพสะท้อนของความเข้มแข็ง ความแกร่ง และการต่อสู้ภายใต้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ประเทศมีความเหลื่อมล้ำทางสังคมสูง การที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่อัตคัตจำกัด แต่สามารถอดทนต่อสู้ดิ้นรนผลักดันตัวเอง จนสำเร็จการศึกษา และได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวัยเพียง 30 ปี คือสิ่งที่สังคมควรยกย่องชื่นชมและโอบกอดเธอ

เราควรภูมิใจในคุณรักชนก เธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่าต้นทุนชีวิตที่น้อยไม่ได้ทำให้ระดับของจิตใจต่ำลงไปด้วย เธอเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจว่ามนุษย์ไม่ควรยอมจำนนหรือพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค อุปสรรคเป็นเครื่องเจียระไนชีวิต “น้ำเน่าขังท่อข้างถนน มันย่อมเป็นฝนแห่งฟ้า” อุดมการณ์ ความมุ่งมั่นของเธอที่กล้าเผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้อง การคุกคามทางเพศ และกลุ่มการเมืองสีเทา ได้พิสูจน์ถึงศักดิ์ศรีเกียรติภูมิในตัวเธอเอง การทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ คือความเป็นมนุษย์ที่สูงส่งกว่าคนที่เกิดมาเพียบพร้อมในตระกูลสูงศักดิ์ แต่ใช้ชีวิตเอาเปรียบเบียดเบียนผู้อื่น

ในโพสต์ของอาจารย์คนดังกล่าว ได้มีการแสดงความสงสารหรือเวทนาในตอนท้าย คือรูปแบบหนึ่งของความใจแคบที่พยายามแสดงอำนาจเหนือ (Superiority Complex) มันคือความปรารถนาดีที่จอมปลอม เพราะหากมีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์จริง ย่อมจะไม่หยิบปมด้อยหรือความทุกข์ยากของใครมาประจานในที่สาธารณะเพื่อความสะใจทางการเมือง

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าฐานะหน้าที่ตำแหน่งทางวิชาการและวุฒิการศึกษาไม่ได้บ่งบอกความสูงส่งทางจิตใจเสมอไป อีกทั้งตำแหน่งทางวิชาการและวุฒิการศึกษา ไม่ควรถูกใช้เป็นเกราะบังหน้าเพื่อบูลลี่ใคร สังคมไทยทั้งประชาชนและสื่อมวลชน ต้องไม่ยอมรับมาตรฐานที่ต่ำทรามเช่นนี้ ต้องไม่เปิดพื้นที่ให้บุคคลดังกล่าวมาเหยียบย่ำใครอีก การด้อยค่าผู้อื่นเพียงเพราะเขาเริ่มต้นชีวิตยากลำบากไร้โอกาสกว่าเรา คือความเสื่อมทรุดถดถอยหลังทางศีลธรรมที่ร้ายแรงที่สุด

ความเป็นมนุษย์ไม่ได้จัดอันดับกันที่นามสกุลของพ่อแม่หรือฐานะฐานันดร แต่วัดกันที่จริยวัตร สิ่งที่เขาทำเพื่อสังคมในปัจจุบัน และวันนี้เราเห็นชัดแล้วว่าใครกันแน่ที่มีจิตใจที่พัฒนาแล้ว และใครกันแน่ที่ยังจมปลักอยู่ในโคลนตมของความเกลียดชังที่ไร้รากเหง้าไร้พื้นฐานทางมนุษยธรรม

ดังที่คุณรักชนกกล่าว ”คนเรามีข้อจำกัดในชีวิตที่แตกต่างกัน ถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน แน่นอนคนที่เกิดในครอบครัวอบอุ่น กินอิ่มนอนหลับทุกวัน มีคนที่รักอยู่ใกล้ๆ ในช่วงเวลายากลำบาก อาจจะไม่เข้าใจเด็กๆ ที่ต้องเติบโตในชุมชนแออัดที่มองไปทางไหนก็มีแต่ปัญหาสังคมเต็มไปหมด… ไม่มีใครผิดที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ดีพร้อม ชาติกำเนิดอยู่ในสลัม เติบโตท่ามกลางปัญหาสังคม กว่าจะรอดได้แต่ละวัน ยากลำบาก คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะส่งต่อ สังคมแบบไหนให้คนรุ่นถัดไป เราเลือกได้ว่าจะส่งต่อทัศนคติค่านิยมที่ตัดสินคนจากชาติกำเนิด ส่งต่อคำดูถูกเหยียดหยามให้กับเด็กๆ ที่เป็นกำพร้าหรือเด็กๆ ที่พ่อแม่มีปัญหาชีวิตรุมเร้า แล้วก็ต้องรับส่งต่อปัญหามาด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งๆ ที่เด็กๆ ไม่ได้เลือก“

ขอให้เราเลือกเป็นสังคมที่เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ให้กำลังใจคนไร้โอกาส คนสู้ชีวิต และร่วมกันประณามการด้อยค่าใช้วาจาสร้างความเกลียดชัง เพื่อส่งต่อโลกที่ให้เกียรติในความเป็นคนอย่างเท่าเทียมกันให้คนรุ่นถัดไป

สุดท้าย ขอขอบคุณในทุกสิ่งที่คุณรักชนกได้ยืนหยัดทำประโยชน์เพื่อสังคม และขอให้กำลังใจ ขอให้คุณความดีที่ทำส่งผลให้ประสบความสำเร็จมีความเจริญงอกงามในชีวิตยิ่งๆ ขึ้นไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Suriyen J.

นักเขียนบทความข่าว จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สาขาปรัชญาและศาสนา มีประสบการณ์กับสำนักข่าวระดับประเทศ ชื่นชอบด้านสังคม การเมือง ต่างประเทศ ทำให้สามารถสร้างคุณค่าผ่านงานเขียน เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์ครบทุกมิติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button