ไอซ์ รักชนก ประวัติชีวิตคนไม่รู้ โตในสลัม ไม่ยอมแพ้ชะตา สอบเข้ามธ. สู่สส.น้ำดี

เปิดบันทึก ประวัติชีวิต “ไอซ์ รักชนก” วัยเด็ก ที่คุณอาจไม่เคยรู้ แม่ทำอาชีพนักร้อง โตจากครอบครัวอุปถัมภ์ จากเด็กหญิงไร้ตัวตนในชุมชนแออัด สู่นักสู้ผู้กำหนดชะตาชีวิตตนเอง
หากใครมองภาพลักษณ์ของ “ไอซ์-รักชนก ศรีนอก” ในปัจจุบัน อาจเห็นภาพของหญิงสาวผู้แข็งแกร่ง ฝีปากกล้า และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจ แต่เบื้องหลังรอยยิ้มและความเด็ดเดี่ยวนั้น คือเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กที่เธอนิยามว่า “ดำมืด” ปราศจากแสงสว่าง และเต็มไปด้วยการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะฉุดรั้งให้จมดิ่งลงสู่ก้นเหวได้ทุกเมื่อ
นี่คือเรื่องราวประวัติของไอซ์ รักชนก จากบทสัมภาษณ์ที่เปิดเปลือยทุกแง่มุมของชีวิต ตั้งแต่กำเนิด การถูกทิ้ง ความน้อยเนื้อต่ำใจ จนถึงวันที่เธอยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ในรายการ ป๋าเต็ดทอล์ก
เด็กหญิงไอซ์ รักชนก ผู้ถูกลืมในบ้าน 7 อ.
ไอซ์ เล่าว่าตัวเองเกิดจากแม่ทำอาชีพนักร้องบาร์ กับพ่อที่เป็นนักเที่ยว เมื่อตั้งครรภ์คลอดออกมา พ่อแท้ๆ ทิ้งไป ส่วนแม่ก็นำตนมาฝากเลี้ยงไว้กับครอบครัวหนึ่งในชุมชนแออัดย่านนั้น เมื่อแม่ขาดส่งค่าเลี้ยงดู ครอบครัวอุปถัมภ์จึงประกาศหาคนรับเลี้ยงต่อ โชคชะตาเล่นตลกเมื่อ “แม่บุญธรรม” (ซึ่งเดิมเป็นคนเลี้ยง) ถูกหวยจากเลขที่ไอซ์ใบ้ให้ จึงตัดสินใจรับไอซ์เป็นลูกบุญธรรมถาวร
บ้านหลังใหม่ของไอซ์ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นลูกแท้ๆ 6 คน ชื่อขึ้นต้นด้วย อ. ทั้งหมด ได้แก่ โอ๋ เอ๋ เอ เอ้ อัด อ้อ เมื่อรวมกับไอซ์ จึงกลายเป็น “7 อ.” พอดิบพอดี ทว่าการเป็นสมาชิกคนสุดท้ายที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน ทำให้ไอซ์เติบโตมาพร้อมกับความรู้สึกแปลกแยก
ในครอบครัวที่มีเชื้อสายจีนผสมแขก ลูกชายหลานชายมักได้รับความสำคัญเป็นที่หนึ่ง ไอซ์รู้สึกเหมือนตนเองเป็นเพียงเบ๊ในบ้าน เป็นเด็กที่ไม่มีใครจดจำวันเกิดได้ มีปีหนึ่งเธอแอบเห็นของขวัญเตรียมไว้และดีใจเก้อ คิดว่าเป็นของตน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นของขวัญวันเกิดหลานชายอีกคน ความน้อยใจเหล่านี้สะสมกลายเป็นปมในใจที่เธอต้องกลืนน้ำตาเงียบๆ เพียงลำพัง
“ไม่เคยมีใครให้กอดเลย ตอนเด็กๆ จำไม่ได้เลยว่าเคยกอดใคร” ไอซ์เล่าถึงความโหยหาความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับ ไม่ว่าวันนั้นจะเจอเรื่องร้ายหรือสอบตก ก็ไม่มีอาหารอร่อยๆ หรืออ้อมกอดปลอบประโลมรออยู่ที่บ้าน วันพ่อวันแม่ที่โรงเรียนคือวันที่ทรมานที่สุด เพราะไม่มีทั้งพ่อและแม่ให้กราบไหว้ คำถามจากครูหรือราชการที่ว่า “พ่อชื่ออะไร” เป็นคำถามที่ตอบในใจเสมอว่า “กูก็อยากรู้เหมือนกัน”
สภาพแวดล้อมที่ไอซ์เติบโตมาคือชุมชนแออัดที่เต็มไปด้วยปัญหายาเสพติด ท้องก่อนวัยอันควร ความรุนแรง ไอซ์เล่าถึงครอบครัวข้างบ้านที่อาศัยรวมกันอย่างแออัด รับจ้างเชิดสิงโตและเล่นกระตั้ว ที่ต้องผลิตลูกหลานออกมาเรื่อยๆ เพื่อใช้เด็กตัวเล็กๆ ขึ้นไปยืนบนยอดไม้ต่อตัว โดยไม่มีหลักประกันคุณภาพชีวิตหรือการศึกษา
ไอซ์เองก็ต้องงัดทักษะการเอาตัวรอดมาใช้ตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่ทางบ้านให้ค่าขนมน้อยมาก จึงต้องหารายได้เสริมด้วยวิธีของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินไปขอขนมกินตามบ้านครู หรือการใช้ฝีมือเล่นพนันของเล่นกับเพื่อน ทั้งดีดลูกแก้ว ปาดินน้ำมัน และเล่นไพ่ยูกิ เด็กหญิงรักชนกฝึกฝนจนชำนาญเพื่อ “ชนะ” เพราะถ้าแพ้ แปลว่าจะไม่มีของเล่นและต้องนั่งเหงาอยู่บ้าน
แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมเสี่ยง แต่ไอซ์เปรียบตัวเองว่าเป็นคนที่ “ทอยเหรียญแล้วออกหัวเสมอ” เธอรอดพ้นจากภัยคุกคามทางเพศและยาเสพติดมาได้ ในขณะที่เพื่อนสนิทหลายคนต้องหลุดออกจากวงโคจรการศึกษา เพราะท้องหรือติดยา เหตุการณ์สะเทือนใจคือตอนที่เพื่อนของเธอถูกลุงในชุมชนล่อลวงไปกระทำมิดีมิร้าย แลกกับเศษเงินค่าขนม จนสุดท้ายเพื่อนคนนั้นต้องท้อง ต้องออกจากโรงเรียนไป

บาดแผลทางการศึกษา จุดเปลี่ยนชีวิต
ไอซ์เป็นเด็กเรียนดี ติด Top 5 ของชั้นเสมอ เธอเก่งคณิตศาสตร์ แต่กลับมีบาดแผลฝังลึกกับวิชาภาษาอังกฤษ สาเหตุเกิดจากครูเคยประจานและตีหน้าชั้นเรียนเพราะลืมทำข้อสอบไปบางหน้าโดยไม่ตั้งใจ ความอับอายครั้งนั้นทำให้เธอเกลียดภาษาอังกฤษและส่งผลให้เธอพลาดหวังจากการสอบเข้าคณะแพทย์ในเวลาต่อมา
เมื่อจบชั้น ม.3 แม่บุญธรรมแจ้งว่าที่บ้านไม่มีเงินส่งเรียนต่อสายสามัญ (ม.ปลาย) บังคับให้ไปเรียนสายอาชีพ เพราะมองว่าจบมาทำงานได้เลย สำหรับไอซ์ที่รักการเรียนและโรงเรียน นี่คือโลกที่ถล่มทลาย เธอจำใจไปเรียนพาณิชยการ สาขาบัญชี และต้องเผชิญกับคำดูถูกของสังคมที่มองเด็กอาชีวะในแง่ลบ แต่ถึงกระนั้น ไอซ์ก็ยังทำผลงานได้ดีจนได้รับรางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ
ระหว่างเรียนสายอาชีพ ไอซ์ต้องทำงานพาร์ทไทม์ร้านติ่มซำย่านเยาวราช โดยใช้ชื่อปลอมว่า “เพชร” เพื่อความดูดีมีค่า คืนหนึ่งขณะล้างร้านจนดึกดื่น แม่แท้ๆ โทรมาหาด้วยความเป็นห่วง ไอซ์จึงยื่นคำขาดถามหาชื่อพ่อ จนได้ความว่าพ่อชื่อ “บอย”
ด้วยความใจกล้า สัญชาตญาณนักสู้ ไอซ์ติดต่อหาพ่อ ท้าพิสูจน์ว่าถ้าเป็นพ่อจริงให้โอนเงินมา 5,000 บาท เมื่อเงินเข้าบัญชี การได้พบหน้าพ่อบังเกิดเกล้าครั้งแรกจึงเกิดขึ้น แม้จะดูห่างเหิน แต่พ่อรับปากจะส่งเสียค่าเล่าเรียน ทำให้ไอซ์ตัดสินใจลาออกจากสายอาชีพและกลับมาเรียน ม.4 ใหม่ที่โรงเรียนเดิม
การกลับมาเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน 1 ปี ทำให้เธอกลายเป็นตัวประหลาดในห้องเรียน ต้องนั่งเรียนคนเดียวไร้กลุ่มเพื่อน แต่ด้วยความเป็นเด็กหัวกะทิ เธอใช้ความรู้คอยติวและให้เพื่อนลอกการบ้าน จนชนะใจเพื่อนๆ และกลับมามีความสุขในชีวิตวัยเรียนได้อีกครั้ง
จากนักศึกษาสู่วัยรุ่นสร้างตัว
ไอซ์สอบติดคณะวิทยาศาสตร์ สาขาสถิติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แบบงงๆ เพราะเลือกตามเพื่อน แต่ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เมื่อเกิดรัฐประหารยุค คสช. พ่อของเธอที่ทำงานในบ่อนการพนันถูกสั่งปิดบ่อน (ชั่วคราว) ทำให้ขาดรายได้ส่งเสีย
วิกฤตนี้ผลักดันให้ไอซ์ต้องดิ้นรนขั้นสุด ทำสารพัดอาชีพ ตั้งแต่สอนพิเศษ เป็นพิธีกร รับจ้างรีวิวสินค้า ไปจนถึงเป็นแม่ค้าออนไลน์ โดยไปรับของจากสำเพ็งและเสือป่ามาถ่ายรูปขาย ด้วยหัวการค้า ทำคอนเทนต์เก่ง ทำให้เธอมีรายได้สูงถึง 50,000 – 80,000 บาทต่อเดือนตั้งแตายังเรียนไม่จบ
ช่วงเวลานั้นคือ “ยุคทอง” ของชีวิตไอซ์ เธอมีครบทุกอย่างที่เคยขาด ทั้งเงิน รถ บ้าน และความรักกับแฟนหนุ่มที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ชีวิตดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบตามพิมพ์นิยม มีการงานมั่นคง ได้ท่องเที่ยวต่างประเทศ และวางแผนสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเพื่อชดเชยวัยเด็กที่ขาดหาย
เรื่องราวชีวิตของไอซ์ รักชนก คือบทพิสูจน์ของการไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา จากเด็กหญิงในสลัมที่ไม่มีแม้แต่อ้อมกอดจากพ่อแม่ สู่หญิงสาวที่สร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยสองมือของตัวเอง ผ่านการเรียนรู้ ความเจ็บปวด และการไม่หยุดพัฒนา ก่อนที่เส้นทางชีวิตจะหักเหอีกครั้ง เพื่อก้าวเข้าสู่สังเวียนการเมืองที่ดุเดือดยิ่งกว่าที่เคยเจอ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เกือบเดือด คลิป “ไอซ์ รักชนก” ถือโทรโข่งสู้กลุ่มเห็นต่าง เถียงวุ่น! ทำไมต้องแก้รธน.
- สส.ไอซ์ ฝากถึง อานนท์ หลังถูกเหยียด กล่าวหาแม่เป็น Sex Worker
- “ชูวิทย์” เล่าเจอหน้า “ไอซ์-โรม” รับที่ด่าพรรคส้มไม่ได้โกรธ แต่ผิดหวัง
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





