เด็ก 14 ป่วย ‘มะเร็งลำไส้’ เพราะมื้อเช้า หมอเตือน 4 เมนูอันตราย

อุทาหรณ์พ่อแม่ เด็กหญิง 14 ป่วย ‘มะเร็งลำไส้’ เพราะมื้อเช้า หมอเตือน 4 เมนูอันตราย “ยอมให้อด ดีกว่าให้กิน”
คำกล่าวโบราณที่ว่า “เรื่องกินเรื่องใหญ่” ยังคงเป็นจริงเสมอ โดยเฉพาะกับเด็กวัยกำลังโต พ่อแม่หลายคนยอมทุ่มเงินไม่อั้นกับอาหารเสริม นมนำเข้า หรือวิตามินราคาแพง แต่กลับละเลยสิ่งพื้นฐานที่สุดอย่าง “อาหารเช้า” จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครคาดคิด
Soha รายงาน กรณีศึกษาที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับพ่อแม่ชาวจีน คือเรื่องราวของ “คุณจาง” คุณแม่ลูกหนึ่งที่มีภารกิจรัดตัว ด้วยความเครียดและงานที่ยุ่งทำให้เธอแทบไม่มีเวลาทานข้าวเช้ากับลูกสาววัย 14 ปี เพื่อตัดปัญหาและกลัวลูกหิว เธอจึงมักให้เงินลูกไปซื้อของกินเอง หรือไม่ก็ซื้อ “อาหารฟาสต์ฟู้ด” ง่ายๆ ให้เป็นมื้อเช้า ซึ่งลูกสาวก็ชื่นชอบและทานเช่นนี้มาตลอดหลายปี
จนกระทั่งวันหนึ่ง ครูประจำชั้นโทรแจ้งว่าลูกสาวปวดท้องรุนแรงจนลงไปนอนกลิ้งกับพื้น เมื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล ผลตรวจทำเอาคนเป็นแม่แทบล้มทั้งยืน แพทย์วินิจฉัยว่าเด็กหญิงวัยเพียง 14 ปี ป่วยเป็น “มะเร็งลำไส้”
เมื่อแพทย์ซักประวัติการกิน คุณจางจึงตระหนักได้ว่า ต้นเหตุคือเมนูฟาสต์ฟู้ดที่เธอหยิบยื่นให้ลูกทุกเช้านั่นเอง แต่นั่นก็สายเกินไปแล้วสำหรับเด็กวัยเรียนที่ควรจะมีอนาคตสดใส กลับต้องมาต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากโรคร้าย
นอกจากนี้ยังมีเคสอื่นๆ ที่เป็นบทเรียนราคาแพงจากการกินอาหารเช้าผิดๆ:
1. ขนมหวาน/เบเกอรี่
ครอบครัวหนึ่งซื้อขนมเค้กและของหวานตุนไว้ให้ลูกกินตอนเช้าเพราะความสะดวก ผลคือเด็กน้ำหนักลดฮวบและปวดท้อง แพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อและวินิจฉัยว่าเป็น “มะเร็งไต” จากการกินอาหารแปรรูปมากเกินไป สุดท้ายเด็กเสียชีวิตแม้จะพยายามรักษาเต็มที่
2. ซาลาเปาไส้เนื้อข้างทาง
แม่ซื้อให้ลูกกินทุกเช้าเพราะคิดว่ามีทั้งแป้งและเนื้อสัตว์ครบถ้วน แต่เด็กกลับอ่อนเพลียจนทรุด แพทย์ชี้ว่าเด็กป่วยเป็น “ไตวายเฉียบพลัน” จากอาหารเช้าที่ดูเหมือนจะดีเหล่านี้
3. น้ำเต้าหู้ไม่สุก
เด็กหญิง 6 ขวบดื่มน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ทุกเช้า วันหนึ่งเกิดอาเจียนและท้องร่วงรุนแรงจนเสียชีวิต สาเหตุเกิดจาก “น้ำเต้าหู้ต้มไม่สุกดี” ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษรุนแรง

หมอเตือน 4 เมนูมื้อเช้าต้องห้าม ยอมให้อด ดีกว่าให้กิน
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มื้อเช้าสำคัญต่อพัฒนาการสมองและร่างกายของเด็กมากที่สุด แต่หากเลือกผิด ชีวิตเปลี่ยนได้ทันที โดย 4 เมนูที่ควรเลี่ยงเด็ดขาด ได้แก่
-
ไข่ไม่สุกค่อนไปทางดิบ แม้จะอร่อย แต่เสี่ยงต่อเชื้อซัลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งอาจทำให้เด็กติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ควรปรุงให้สุก 100% เสมอ
-
อาหารค้างคืน อาหารที่เหลือจากมื้อเย็นและนำมาอุ่นซ้ำ เสี่ยงต่อการปนเปื้อนแบคทีเรีย เด็กที่มีระบบย่อยอาหารเปราะบางอาจเกิดลำไส้อักเสบได้ง่าย
-
ของหวานจัด (ขนม/น้ำหวาน) ปริมาณน้ำตาลที่สูงเกินไปในตอนเช้า ทำลายระบบย่อยอาหาร ก่อให้เกิดโรคอ้วน ภูมิคุ้มกันต่ำ และระบบเผาผลาญพัง
-
อาหารฟาสต์ฟู้ด/อาหารแช่แข็ง เต็มไปด้วยเกลือโซเดียมและสารกันบูด หากกินต่อเนื่องจะทำลายต่อมรับรส เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคเรื้อรังตั้งแต่ยังเด็ก

บทเรียนนี้ย้ำเตือนให้พ่อแม่ตระหนักว่า ความสะดวกสบายเพียงชั่วครู่ในวันนี้ อาจต้องแลกมาด้วยความเสียใจตลอดชีวิตในวันหน้า การใส่ใจเลือกมื้อเช้าที่ดีคือเกราะป้องกันภัยที่ดีที่สุดสำหรับลูกรัก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตนักบาสฯ NBA เปิดตัวเป็นเกย์ อัดคลิปเล่าชีวิต สู้ “มะเร็งสมองระยะ 4”
ร่วมให้กำลังใจ “ข้าวปุ้น กมลลักษณ์” นักว่ายน้ำทีมชาติไทย ถอนตัวแข่งซีเกมส์ 2025 หลังตรวจเจอมะเร็ง
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





