ข่าวดาราบันเทิง

เปิดกรุ 10 เรื่องลับ “แฟรงเกนสไตน์” อสุรกายสุดคลาสสิก ก่อนดูฉบับ Netflix 2025

เจาะลึก แฟรงเกนสไตน์ กำเนิดอสุรกายสุดคลาสสิก จากปลายปากกาวัยรุ่น สู่การตีความใหม่สุดสะเทือนอารมณ์โดย Guillermo del Toro ที่กำลังจะฉายทาง Netflix

ภาพยนตร์ Frankenstein (2025) ผลงานล่าสุดจากเจ้าพ่ออสุรกาย กีเยร์โม เดล โตโร กำลังทะยานยอดคนดูใน Netflix เวลานี้นำแสดงโดยทัพดาราดัง Oscar Isaac (วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์), Jacob Elordi (อสุรกาย) และ Mia Goth (อลิซาเบธ)

ทุกคนคิดว่าตัวเองรู้จักเรื่องนี้ดี เพราะโด่งดังเป็นปีศาจคู่วัฒนธรรมตะวันตก สัตว์ประหลาดหัวสี่เหลี่ยม มีน็อตที่คอ พูดไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่านั่นคือภาพจำที่ “ผิด” เกือบทั้งหมด!

วันนี้ไทยเกอร์ขอพาย้อนรอย “เปิดกรุ 10 เรื่องลับ” ของแฟรงเกนสไตน์ ที่จะทำให้คุณทึ่ง อึ้ง และเข้าใจตำนานนี้ใหม่หมดจดก่อนดูเวอร์ชันล่าสุด

1. แฟรงเกนสไตน์ ไม่ใช่ชื่ออสุรกาย

เรื่องน่าทึ่งข้อแรกที่คนมักเข้าใจผิด แฟรงเกนสไตน์ คือชื่อของนักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างมันขึ้นมา นั่นคือ “วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์” (รับบทโดย Oscar Isaac)

ส่วนตัวอสุรกาย ในนิยายต้นฉบับม่มีชื่อเลย ถูกเรียกแค่ว่า “The Creature” (สิ่งที่ถูกสร้าง) หรือ อสุรกาย การที่คนทั่วโลกเรียกอสุรกายว่าแฟรงเกนสไตน์ ถือเป็นชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ของมัน เพราะสุดท้ายสิ่งที่ถูกสร้าง ก็ได้ขโมยชื่อของผู้สร้างไปครองโดยสมบูรณ์

2. อสุรกายในนิยายเป็น อัจฉริยะ

ลบภาพอสุรกายโง่เขลาที่เดินไปมาแล้วคำรามทิ้งไปได้เลย ในนิยายปี 1818 อสุรกาย (รับบทโดย Jacob Elordi) ฉลาดเป็นกรด เขาสอนตัวเองให้อ่านหนังสือ พูดภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว อ่านวรรณกรรมคลาสสิกยากๆ เช่น Paradise Lost เพื่อทำความเข้าใจโลก มันคือ “นักปรัชญา” ที่มีความรู้สึกซับซ้อน ไม่ใช่สัตว์ประหลาดไร้สมอง

3. ลุค หัวสี่เหลี่ยม-น็อตที่คอ คือการประดิษฐ์

ภาพจำสุดคลาสสิก ทั้งหัวแบนๆ ผิวสีเขียว และน็อตที่คอ ไม่ได้มาจากหนังสือแม้แต่น้อย ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยช่างแต่งหน้า Jack P. Pierce เพื่อใช้ในภาพยนตร์ปี 1931 ที่นำแสดงโดย Boris Karloff

ส่วนในนิยาย Mary Shelley บรรยายอสุรกายไว้ว่ามี ผิวสีเหลืองซีด ตาวาว ผมดำยาว และร่างกายสูงใหญ่ แม้จะน่าเกลียดน่ากลัว แต่ก็ยังมีเค้าโครงของมนุษย์ ไม่ใช่หุ่นยนต์

4. ผู้สร้าง ต่างหากคืออสุรกายตัวจริง

นี่คือหัวใจของเรื่องที่หลายคนมองข้าม ในนิยาย อสุรกายไม่ได้เกิดมาโหดร้าย ในทางกลับกัน เขาเริ่มต้นด้วยจิตใจที่ดีงาม อ่อนไหว และโหยหาความรัก

บาปที่แท้จริงคือการกระทำของ วิคเตอร์ ผู้สร้างเขาขึ้นมา วิคเตอร์ทอดทิ้งสิ่งที่เขาสร้างทันทีที่ลืมตาดูโลกเพียงเพราะรูปลักษณ์น่าเกลียด ความโหดร้ายของอสุรกายจึงเป็นผลผลิตจากการถูกสังคมและ พ่อ ของตัวเองปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

5. คนเขียนเป็น วัยรุ่น อายุแค่ 18 ปี

เซอร์ไพรส์ครับคุณแม่! วรรณกรรมที่ลึกซึ้งและมืดมนขนาดนี้ เขียนโดย Mary Shelley (ในขณะนั้นชื่อ Mary Godwin) ตอนที่เธอเริ่มร่างเรื่องนี้ เธอมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น

6. ตำนานนี้เกิดจาก ภูเขาไฟระเบิด

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในปี 1816 หรือที่เรียกว่า “ปีที่ไร้ฤดูร้อน” (Year Without a Summer) ซึ่งเกิดจากเถ้าถ่านของภูเขาไฟ Tambora ในอินโดนีเซียระเบิดปีก่อนหน้า ส่งผลให้ทั่วยุโรปมีอากาศวิปริต หนาวเย็น ฝนตกหนัก

ภัยพิบัตินี้ กักขัง Mary Shelley คนรักของเธอ Percy Shelley และกวีชื่อดัง Lord Byron ไว้ในบ้านพักตากอากาศที่สวิตเซอร์แลนด์

7. มันคือผลลัพธ์จาก การแข่งเล่าเรื่องผี

เมื่อถูกกักตัวเพราะอากาศแย่ Lord Byron จึงท้าทายให้ทุกคนเขียนเรื่องผีแข่งกัน การแข่งขันในคืนนั้นได้ให้กำเนิดผลงานสยองขวัญคลาสสิกถึง 2 เรื่อง คือ Frankenstein ของ Mary Shelley และ The Vampyre ของ John Polidori (ซึ่งกลายเป็นต้นแบบแวมไพร์ยุคใหม่)

8. แรงบันดาลใจมาจาก การช็อตกบ

ประกายความคิดของ Mary Shelley ไม่ได้มาจากผี แต่มาจากวิทยาศาสตร์ ในยุคนั้นมีการทดลองที่เรียกว่า “Galvanism” คือการใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว เช่น กบ ให้กระตุก Mary ได้ฟังการถกเถียงเรื่องนี้ ทำให้เธอเกิดฝันร้าย เห็นร่างมนุษย์ถูกชุบชีวิตด้วยพลังงานบางอย่าง จนกลายมาเป็นพล็อตหลัก

9. ผู้เขียนถูกหลอกหลอนจาก การสูญเสียลูก

เบื้องหลังความสยองขวัญคือความเศร้าโศกส่วนตัว แม่ของ Mary Shelley เสียชีวิตเพียง 11 วันหลังจากคลอดเธอ นอกจากนี้ เธอยังเพิ่งสูญเสียลูกคนแรกที่คลอดก่อนกำหนด Mary เคยบันทึกในไดอารี่ว่าเธอฝันว่า ชุบชีวิตลูกตัวน้อยกลับมา ธีมเรื่อง การเอาชนะความตาย จึงเชื่อมโยงกับบาดแผลในใจของเธอโดยตรง

10. หนังปี 2025 จะ แก้ไข ตอนจบสุดเศร้า

นี่คือจุดที่น่าตื่นเต้นที่สุด กีเยร์โม เดล โตโร กำลังทำในสิ่งที่แตกต่าง เขาเคารพนิยายด้วยการนำ อสุรกายอัจฉริยะ ที่พูดได้กลับมา แต่ปฏิเสธตอนจบที่มืดมนของต้นฉบับ

ในเวอร์ชัน 2025 ฉากเผชิญหน้าสุดท้ายในอาร์กติก จะไม่ใช่แค่การแก้แค้น แต่เป็นการชดใช้ เดล โตโร เลือกที่จะให้ วิคเตอร์ กล่าวคำ “ขอโทษ” ต่อสิ่งที่เขาสร้างขึ้น นี่คือการเปลี่ยนเรื่องราวจากโศกนาฏกรรมล้วนๆ ไปสู่เรื่องราวของ ความหวัง และ การให้อภัย ซึ่งเป็นลายเซ็นของ GDT

Frankenstein (2025) ของ Guillermo del Toro จึงไม่ใช่แค่การรีเมค แต่คือการฟื้นคืนจิตวิญญาณ ที่แท้จริงของนิยายกลับสู่กระแสหลัก พร้อมมอบหัวใจดวงใหม่ให้กับมัน

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Frankenstein แฟรงเกนสไตน์

  • ประเภท: แฟนตาซี / สยองขวัญ / ดรามา
  • ผู้กำกับ: กิลเลอร์โม เดล โตโร
  • นำแสดงโดย: ออสการ์ ไอแซ็ก, เจคอบ เออลอร์ดี, คริสตอฟ วอลต์ซ, มีอา ก็อธ
  • ความยาว: 149 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 7 พฤศจิกายน 2025 (ที่ Netflix)

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button