“บิ๊กเล็ก” แจงปล่อยเชลยศึก 12 พ.ย. เป็นแค่การคาดการณ์ ย้ำเขมรต้องทำตามเงื่อนไข

บิ๊กเล็ก แจงปล่อยเชลยศึก 18 คน ในวันที่ 12 พ.ย. เป็นแค่การคาดการณ์ ย้ำเขมรต้องทำตามเงื่อนไขที่ไทยวางเอาไว้ จะไม่เปิดด่านจนกว่าเรื่องจบ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ บิ๊กเล็ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปล่อยตัวเชลยศึกทั้ง 18 คน ว่า 4 ข้อเรียกร้องของเรา คือการถอดอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบปรามสแกมเมอร์ แล้วจัดการบริหารชายแดน แล้วถึงค่อยกลับมาคุยกัน เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ก็พูดคุยกันถึงความคืบหน้าของเรื่องเดิม แต่ในรายละเอียดให้ไปตกลงกันใน RBC และ JBC อย่างเรื่องอาวุธหนักก็ให้คุยใน RBC หรืออย่างบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ก็ให้คุยใน JBC แต่ละอันก็จะลงไปคุยในระดับหน่วยหรือระดับพื้นที่
ทั้งนี้เมื่อตอนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปลงนาม Joint declaration นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เดินทางล่วงหน้าไปและได้คุยกับ ฝ่ายกัมพูชาและประเทศพยาน ว่าเขาอยากให้มีการปล่อยเชลยศึก ทั้งนี้เราก็ต่อรองว่าขอให้มีการปฏิบัติ 4 ข้อเรียกร้องให้เป็นรูปธรรมก่อน โดยเป็นรูปธรรมที่ว่าไม่ใช่ว่าต้องทำจบแล้ว เพียงแค่ให้เห็นสัญญาณว่าเป็นรูปธรรม และเขาจริงใจที่จะทำร่วมกับเรา
เพราะฉะนั้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไปลงนาม ก็ให้กองทัพคุยกัน โดยปัจจุบันการติดตามความคืบหน้าเรื่อง joint declaration นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้พลเอกอุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แล้วก็เหล่าทัพ กระทรวงต่าง ประเทศกระทรวงมหาดไทย ไปคุยกัน ตั้งเป็นคณะกรรมการ โดยล่าสุดที่คุยกันเค้าตกลงกันว่าการถอนอาวุธหนัก และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เป็นเรื่องสำคัญ ที่เราอยากให้เขาทำให้เสร็จ เป็นเฟสแรก แล้วจึงมาคุยกันเรื่องเชลยศึก
ส่วนในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เมื่อตอนประชุมวันที่ 23 ต.ค. ที่ตนไปเป็นประธาน ตนได้เสนอไปทั้งหมด 13 พื้นที่ แต่เมื่อทางระดับพื้นที่เขาคุยต่อรองกัน ล่าสุดเขาเหลือ 5 พื้นที่ ซึ่งทางกัมพูชาก็ยอมแล้ว ให้เข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่นี้ได้
เพราะฉะนั้นสองเรื่องหลักที่เราขอไปทางกัมพูชาก็ตอบรับเราก็จะปฏิบัติตาม Joint declaration แต่เรื่องวันที่ที่จะปล่อยตัวนั้นเป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่า 12 พ.ย. นี้ จะปล่อยตัวได้เลย ต้องมาดูอีกทีว่า เฟสหนึ่ง ซึ่งคือการถอนจรวดแปดลำกล้องและปืนใหญ่ระยะยิงไกล และการเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่ จะจบหรือไม่ ซึ่งเดิมทีคาดว่าจะจบในวันที่ 21 พ.ย. แต่เค้าบอกว่าเค้าจะทำให้เร็วขึ้นเป็นประมาณวันที่ 10-12 พ.ย. เราจึงบอกว่าถ้ามันจบเร็ว เราก็ปล่อยตัวเฉลยสึกเร็ว เราดูที่ตัวเงื่อนไข ไม่ใช่ดูที่ตัววันที่ เพียงแต่เมื่อวานข่าวที่ออกมาไปโฟกัสที่วันที่ 12 พ.ย. ซึ่งถ้าเฟสหนึ่งไม่จบเราก็ไม่ปล่อย
ส่วนเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ ก็เป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ โดยทางกัมพูชาให้ความร่วมมือ โดยเรื่องต่างๆตนได้รับทราบโดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ส่วนเรื่องบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ก็ถือว่าเป็นรูปธรรม เพราะว่ามีสามสเต็ป สเต็ปแรกคือไปเก็บกู้ทุ่นระเบิด ตามแนวที่เราจะปักหมุดชั่วคราว โดยทางเราคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 17 พ.ย. หลังจากนั้นทางกรมแผนที่ทหาร จะเริ่มไปปักหมุดชั่วคราว โดยจะมีสองแนวคือแนวที่เรายึดถือและแนวที่กัมพูชาอ้างมา เราได้ตกลงกันไว้ตอนที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ว่า วัดระหว่างแนวสองแนวนั้นต้องให้ JBC ว่ากันต่อไป แต่ใต้แนวนั้นลงมาเขาต้องออก ซึ่งเขาก็ยอมรับ นี่คือความเป็นรูปธรรม
เมื่อถามว่า แปลว่าต้องรอความชัดเจนใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า 2 เรื่องแรกที่มีความผูกพันกับการปล่อยเชลยศึกเป็นไปตาม joint declaration เพราะฉะนั้นตอนนี้อยากขอความกรุณาสื่อมวลชนช่วยอธิบายให้กับสังคมเข้าใจ ว่าเราต้องปฏิบัติเหมือนประเทศที่มีวุฒิภาวะ มีอารยะ เพราะตนเคยเรียนไปแล้วเมื่อวันอังคาร (4 พ.ย.) ว่า จากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ายไปแถลงที่ UN เราได้รับการปรบมือ เพราะว่าเรามาถูกทางแล้ว เราก็จะต้องแสดงความเป็นประเทศที่มีวุฒิภาวะ มีอารยะ แต่ต้นขอยืนยันเลยว่าตลับใดที่ตนอยู่ตรงนี้ เราจะยึดถือเรื่องอธิปไตยอย่างแน่นอน ผลประโยชน์ของชาติต้องยึดถือ แต่เราต้องทำตามขั้นตอนแบบอารยประเทศ
พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า อย่างที่ตนกล่าวไปเมื่อต้น ว่า ในขั้นต้นขอทำตาม 4 ข้อนี้ก่อน และอีกข้อคือเรื่องรั้ว ซึ่งสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีพระราชดำริมา แล้วในส่วนที่เหลือเมื่อเสร็จเรื่องตรงนี้แล้ว เอาก็จะมาเริ่มเก็บรายละเอียดในเรื่องปราสาทตาควาย ปราสาทคนา อะไรต่างๆ ค่อยๆเก็บไป โดยตนขอความเห็นใจ ว่าเหตุการณ์มันสะสมมา กว่า 15 ปีแล้ว และกัมพูชาก็เตรียมการสั่งสม มีการรุกล้ำมาเรื่อยๆ ตอนนี้รัฐบาลปัจจุบันโดยเฉพาะในส่วนของตนกระทรวงกลาโหม กำลังจะแก้ไขรายละเอียดเหล่านี้ ขอให้ให้เวลาตนสักนิด ดังนั้น 5 อย่างนี้ตนจะทำให้เรียบร้อย หลังจากเสร็จ 5 อย่างนี้ก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อถามย้ำว่า แปลว่าต้องเป็นรูปธรรมทั้ง 5 ข้อก่อนถึงจะมีการปล่อยเชลยศึกใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ตาม joint declaration มัน 4 ข้อ แต่ใน 4 ข้อนั้น ข้อ 1 และ 2 เราซีเรียสมาก และให้หน่วยพูดคุยกัน ปัจจุบันทางคณะของผู้บัญชาการทหารสูงสุด เค้าตกลงกันไว้ที่ 2 ข้อหลัก ส่วนข้อ 3 และข้อ 4 ไม่ใช่ว่าไม่ให้ความสำคัญ ก็ต้องให้เป็นรูปธรรม
เมื่อถามว่า แปลว่าจะปล่อยตัวเมื่อข้อ 1 และข้อ 2 เป็นไปตามความพอใจของประเทศไทยแล้วใช่หรือไม่ พลเอกรัฐพลกล่าวว่า ถูกต้อง จึงอยากพูดให้สบายใจได้ว่ายังเหลืออีกมาตรการหนึ่งที่เราจะไม่แตะเลย ก็คือการเปิดด่าน เราจะไม่แตะมาตรการนี้เลยจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย อาจจะไม่ใช่แค่ 5 ข้อนี้เท่านั้นอาจจะมีอย่างอื่นด้วยให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
ขอความเห็นใจจากสื่อมวลชน ตนไม่เคยได้ข่าวจากกัมพูชาเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้ตนโดนถามหมดเลยว่าคิดอะไรอยู่ ตนต้องขออภัยแต่ตนก็เข้าใจว่าสื่ออยากที่จะสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน แต่ตนอยากให้เข้าใจตนว่าตอนนี้เขารู้หมดแล้วว่าตนคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ก็บอกไปเกินครึ่งแล้ว จึงอยากขอความเห็นใจด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “สีหศักดิ์” เผยทราบปล่อยตัวเชลยศึกเขมร 12 พ.ย. แต่ต้องคุยกับกองทัพอีกครั้ง
- ทบ. โต้ปล่อยตัวเชลยศึก 12 พ.ย. ย้ำจะเกิดขึ้นหลังการถอนอาวุธหนักเฟสแรก
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





