อ.เจษฎา ชี้ คลิปบดกระดูกไก่ ทำไส้กรอก เป็นเฟกนิวส์ แค่ตัดต่อ หวังเรียกยอดวิว

“อ.เจษฎ์” ชี้ คลิปบดกระดูกไก่ทำไส้กรอก เป็นเฟกนิวส์ เป็นการตัดต่อเพื่อเรียกยอดวิว ยันทำไม่ได้จริง พร้อมเผยเคสแบบเดียวกันในต่างประเทศ หวังให้คนเข้าใจผิด
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการผลิตไส้กรอก เนื่องจากมีการแชร์คลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็น “เบื้องหลังไส้กรอกแสนอร่อย ทำจากกระดูกไก่ ราคาถูก” โดยในคลิปแสดงภาพคนงานกำลังเทกระดูกจำนวนมากเข้าเครื่องบด ก่อนจะตัดภาพไปที่เนื้อบดที่ถูกนำไปอัดเป็นไส้กรอก ทำให้ผู้บริโภคหลายคนหวาดกลัว
ด้าน อ.เจษฎา ยืนยันว่าเป็นเพียงการตัดต่อเท่านั้น เพื่อให้คนหวาดกลัว โดยระบุว่า “มีการแชร์คลิปวิดีโอ คล้ายๆ กับเป็นกระบวนการผลิตไส้กรอก พร้อมแคปชั่นว่า “เบื้องหลังไส้กรอกแสนอร่อย ทำจากกระดูกไก่ ราคาถูก”
โดยในคลิปนั้น จะเปิดมาเป็นการที่คนงานเทกระดูกจำนวนมาก ลงไปในเครื่องบด พร้อมกับเนื้อบางส่วน จากนั้น ก็จะเป็นภาพของเนื้อบด ที่ถูกนำไปอัดบรรจุออกมาเป็นไส้กรอก ทำเอาหลายต่อหลายคนแตกตื่นตกใจกันใหญ่
ซึ่งไม่จริงนะครับ ไส้กรอกไม่ได้จะทำจากกระดูกไก่แบบนั้นครับ กระดูกไก่ไม่ได้จะสามารถเอามาบดผสมเนื้อ แล้วยังทำให้เนื้อไส้กรอกเนียนอย่างที่เรากินอยู่ได้หรอกครับ ถึงจะเป็นไส้กรอกราคาถูก ถ้ามีกระดูกปนอยู่จริง ลิ้นของเรา ก็ต้องสัมผัสเจอเศษกระดูกป่นบ้างแล้วครับ
ดังนั้น คลิปดังกล่าวจึงน่าจะเป็นแค่การตัดต่อ เอาภาพของโรงงานแปรรูปซากสัตว์ (เช่น เอาไปทำเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ หรือไปทำปุ๋ย) มาตัดต่อผสมกับโรงงานไส้กรอก ทำให้คนหวาดกลัว เรียกยอดวิว แค่นั้นเอง
ข่าวปลอมจากคลิปทำนองนี้ ในอดีตก็เคยมีมาก่อนแล้ว โดยรายการชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท. ได้เคยมีตอน “โรงงานไส้กรอกบดหมูทั้งตัวจริงหรือ?” ที่อ้างว่าเป็นการผลิตของไส้กรอกยี่ห้อหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกา ที่เอาซากหมูทั้งตัวใส่เข้าไปในเครื่อง แล้วออกมาเป็นไส้กรอก

โดยความจริงแล้ว คลิปดังกล่าวเป็นการนำภาพ “เครื่องกำจัดซาก” ที่มีการโยนลูกหมูทั้งตัวเข้าไปในเครื่อง มาตัดต่อกับวิดีโอสารคดีชุด How It’s Made เรื่อง Hot Dogs ที่มีการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตไส้กรอก ในปี ค.ศ. 2008 เพื่อให้เข้าใจผิด ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตไส้กรอกจริง ๆ
แถมตอนนั้น ยังมีการเขียนแคปชั่นชี้นำว่า โรงงานไส้กรอกของผู้ผลิตไทยรายหนึ่ง ก็ใช้เครื่องเช่นเดียวกันนี้ เพื่อหวังบิดเบือนให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและงดบริโภคไส้กรอก จนทางบริษัทได้ออกมาปฏิเสธ และยืนยันถึงคุณภาพมาตรฐานการผลิต
ความจริงคือ เป็นไปไม่ได้เลย เพราะการทำไส้กรอกจะต้องแยกประเภทส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ ทั้งเนื้อ และไขมัน นำมาใช้ให้เหมาะกับการผลิตไส้กรอกแต่ละชนิด ซึ่งหากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น กระดูก ฟัน เครื่องในด้วยแล้ว ย่อมทำให้ผิวสัมผัส คุณภาพและรสชาติผิดเพี้ยนเปลี่ยนไป ซึ่งผู้บริโภคจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกตินั้น
ซึ่งในกระบวนการผลิตไส้กรอกที่ได้มาตรฐานนั้น จะมีการควบคุมตั้งแต่ขั้นตอนการฆ่าและแปรรูปเนื้อ โดยในโรงฆ่าสัตว์จะแยกเลือดออกจากซากจนหมด แยกเครื่องในออก โดยเฉพาะลำไส้ที่มีของเสีย จากนั้นจะทำการตัดแยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกเป็นส่วนเนื้อสันใน สันนอก เนื้อสามชั้น กระดูกซี่โครง แล้วนำเอาแต่ “เนื้อคุณภาพ” ไปใช้ในการผลิตไส้กรอก ไม่สามารถใช้ส่วนของกระดูก เพื่อไปทำให้ละเอียดจนเป็นไส้กรอกได้อย่างแน่นอน
กระบวนการผลิตสัตว์ของไทย ตลอดจนการแปรรูปเนื้อสัตว์ ให้เป็นไส้กรอกหรืออาหารพร้อมรับประทานอื่น ๆ ทั้งหมด อยู่ภายใต้มาตรฐานการผลิต ที่ควบคุมโดยภาครัฐ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมปศุสัตว์ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตลอดจนมีมาตรฐานสากลรองรับ เพื่อให้ทุก ๆ กระบวนการผลิตมีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค
ดังเช่นที่มีข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) บุกจับโรงงานผลิต “ไส้กรอกพิษ” ที่จังหวัดชลบุรี นั้น ที่ทำให้เด็กหลายราย เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
เนื่องจากการรับประทานไส้กรอก และเกิดภาวะ methemoglobinemia (เมธฮีโมโกลบินนีเมีย) พบว่าโรงานดังกล่าว ทำการผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต และฉลากผลิตภัณฑ์ไส้กรอก ก็ไม่แสดงเลขสารบบอาหาร และสถานที่ผลิตแห่งนี้ ไม่ผ่านเกณฑ์ GMP ที่กฎหมายกำหนด ไม่มีการควบคุมการผลิต
แถมพบว่ามีปริมาณไนไตรท์ ในไส้กรอก เกินมาตรฐาน ซึ่งทางเจ้าของโรงงานยอมรับว่า ในการผลิตพนักงานจะตักไนไตรท์ โดยการกะเกณฑ์คร่าว ๆ ไม่ได้มีการชั่ง ตวง หรือวัดตามมาตรฐาน ทำให้ปริมาณไนไตรท์เกินค่าความปลอดภัย
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ฝ่าฝืนมาตรา 6(7) สถานที่ผลิตอาหารไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการผลิตที่ดี (GMP) โทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และฝ่าฝืนมาตรา 6(10) ผลิตภัณฑ์อาหารแสดงฉลากไม่ถูกต้อง โทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท
หากพบสารต้องห้ามในอาหาร จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25 ฐาน “ผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นอาหารปลอม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 พันบาทถึง 1 แสนบาท”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อ.เจษฎา สงสัย ทำไมตำรวจ-ทหาร ต้องขอเสื้อเกราะกับ กัน จอมพลัง ผ่านบริษัทเดียวกัน
- ของแถมร้านข้างทาง สาวซื้อไส้กรอกแดงทอด เจอไข่แมลงวันเกาะเต็ม เห็นแล้วขนลุก
- ทลายโรงงานเถื่อน ผงะ ลอบผลิตยาดมหงส์ไทย 2 ล้านชิ้น หลังพบปนเปื้อนจุลินทรีย์
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





