ตัดเกรด 11 แข้ง หลังเกมแดงเดือด ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด ใครคว้าแมนออฟเดอะแมตช์ ?

ผลบอล ลิเวอร์พูล 1-2 แมนยู ล่าสุด ตัดเกรด 11 แข้งตัวจริง-สำรอง นัดแดงเดือด เมื่อ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ สวมบทฮีโร่ สวนทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สอบตกอย่างสิ้นเชิง ชัยชนะลูกทีมรูเบน อโมริม เหนืออาร์เนอ ชล็อธ ถึงถิ่นแอนฟิลด์ คือชัยชนะ 2 นัดติดต่อกันครั้งแรกของกุนซือเลือดโปรตุกีส ขณะเดียวกันผลลัพธ์แดงเดือดหนที่ 245 ล่าสุด ความพ่ายแพ้ 4 นัดรวดครั้งแรกของหงส์แดงนับตั้งแต่ปี 2014 แต่นอกเหนือจากสถิติแล้ว ฟอร์มการเล่นส่วนบุคคลของนักเตะในสนามคือสิ่งที่บอกเล่าเรื่องราวของเกมนี้ได้ดีที่สุด
ควันหลงเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025-26 หลังเกมดาร์บี้แมตช์หยุดโลก แดงเดือดครั้งที่ 245 ซึ่งล่าสุดพลพรรค หงส์แดง ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายแพ้คารังให้กับอริตลอดกาล “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 โดยประตูชัยจาก แฮร์รี แม็กไกวร์ นาทีที่ 84
ผลบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่น 2025-26 ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
- สนาม : แอนฟิลด์
- ครึ่งแรก 0-1
- ครึ่งหลัง 1-2
- คิกออฟ : 22.30 วันที่ 19 ตุลาคม 2025
ประตู 0-1 ไบรอัน เอ็มเบอโม (นาที 2) , ดิอัลโล (แอสซิสต์)
ประตู 1-1 โคดี้ กักโป (นาที 78) , เคียซ่า (แอสซิสต์)
ประตู 1-2 แฮร์รี แม็กไกวร์ (นาที 84) , บรูโน่ แฟร์นันเดส (แอสซิสต์)


คะแนนนักเตะหลังจบเกม : ลิเวอร์พูล
11 ผู้เล่นตัวจริงหงส์แดงของอาร์เนอ ชล็อธ ที่มา : สกายสปอร์ตส (Sky Sports)
จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี – 5/10 ดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ! ในสนามที่แวดล้อมด้วยศักศรีดิ์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ แถมหนักสุด คือ เสียความมั่นใจไปตั้งแต่จังหวะแรกที่ปล่อยให้ลูกยิงของ “เอ็มเบอโม่” ลอดตัวเข้าไป แม้ประตูที่สองจะยากเกินจะป้องกัน แต่โดยรวมแล้วยังไม่น่าไว้วางใจ
คอเนอร์ แบรดลีย์ – 6/10 ผ่านบอลแม่นยำ แต่ไม่สามารถสร้างอันตรายให้แนวรับยูไนเต็ดได้เลย ตำแหน่งแบ็กขวายังคงเป็นตำแหน่งที่เปิดกว้างสำหรับการแข่งขันต่อไป
อิบราฮิมา โคนาเต้ – 7/10 ถูกโหม่งตัดหน้าในจังหวะเสียประตูชัย ซึ่งเป็นจุดด่างพร้อยเดียวในเกมที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ โคนาเต้คือคนที่ต้องคอยตามเก็บกวาดความผิดพลาดให้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค อยู่ตลอด และยังวางบอลยาวสุดสวยให้ อิซัค ได้หลุดเดี่ยวอีกด้วย
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค – 5/10 ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างน่าใจหาย มีส่วนผิดพลาดเต็มๆ ในประตูแรกที่เข้าปะทะกับเพื่อนร่วมทีมจนเสียตำแหน่ง และยังถูกคุนญาเอาชนะได้ง่ายๆ หลายครั้ง ความเป็นผู้นำที่เคยมี…หายไปจากเกมนี้
มิลอส เคอร์เคซ – 5/10 ดูตื่นตระหนกกับเกมใหญ่ และสื่อสารกับฟาน ไดจ์ค ผิดพลาดหลายครั้ง มีปัญหาในการรับมือกับอาหมัด

ไรอัน กราเฟนแบร์ค – 6/10 คอยคุมจังหวะเกมในแดนกลางได้ดี ก่อนจะโชคร้ายได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าและต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – 6/10 ยังคงห่างไกลจากฟอร์มที่ดีที่สุดของเขา มีส่วนในจังหวะเสียประตูแรกและแทบไม่มีอิทธิพลต่อเกมเลย

โดมินิค โซบอสซ์ไล – 7/10 เป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลที่โดดเด่นที่สุด การผ่านบอลทะลุทะลวงของเขาสามารถสร้างปัญหาให้ยูไนเต็ดได้เสมอ และยังคงทำหน้าที่ได้ดีทั้งรุกและรับแม้จะถูกโยกไปเล่นแบ็กขวา
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – 5/10 ห่างไกลจากคำว่า “ระดับโลก” ที่เขาเคยเป็นอย่างสิ้นเชิง มีโอกาสทองในครึ่งหลังแต่กลับยิงหลุดกรอบไปอย่างน่าผิดหวัง การถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงที่ทีมต้องการประตู…บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
อเล็กซานเดอร์ อิซัค – 5/10 ยังคงไม่สามารถตอบแทนค่าตัวสถิติโลกได้ พลาดโอกาสทองในจังหวะหลุดเดี่ยวครึ่งแรก และดูจะตัดสินใจผิดพลาดไปหมด

โคดี้ กัคโป – 7/10 คือผู้เล่นแนวรุกที่อันตรายที่สุดของลิเวอร์พูลในเกมนี้ ยิงประตูตีเสมอได้ และเกือบจะทำประตูได้อีกหลายครั้ง แต่ก็น่าจะรู้สึกผิดหวังกับโอกาสโหม่งเหน่งๆ ที่พลาดไป

คะแนนฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ผู้ชนะ)
เซนเน่ ลัมเมนส์ – 7/10 ยืนหยัดท่ามกลางบรรยากาศที่กดดันได้อย่างน่าชื่นชม มีจังหวะเซฟสำคัญที่ปฏิเสธลูกยิงของอิซัค นำความสงบมาสู่แผงหลังได้
มัทไธส์ เดอ ลิกต์ – 6/10 ประกบตัวกัคโปพลาดในจังหวะเสียประตู แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำหน้าที่ของตนเองได้ดี
แฮร์รี แม็กไกวร์ – 8/10 แมน ออฟ เดอะ แมตช์ กลับมาสู่ทีมและกลายเป็นวีรบุรุษผู้โหม่งประตูชัยที่แอนฟิลด์ แก้ตัวจากความผิดพลาดในฤดูกาลที่แล้วได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ลุค ชอว์ – 6/10 มีปัญหาในการรับมือกับกัคโปอยู่บ้าง แต่ก็สามารถจัดการกับอิซัคได้อยู่หมัด
อาหมัด ดิยัลโล – 8/10 ฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของเขาในสีเสื้อยูไนเต็ด จ่ายบอลทะลุช่องสุดสวยให้ทีมได้ประตูแรก และเล่นงานเคอร์เคซจนเสียรูปกระบวน
คาเซมิโร – 6/10 ทำหน้าที่ในเกมรับได้อย่างไม่มีที่ติ แม้จะเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไกลกับทีมชาติบราซิลก็ตาม
บรูโน แฟร์นันเดส – 8/10 วิ่งพล่านไปทั่วสนามจนหมดแรง แต่ก็ยังเค้นพลังเฮือกสุดท้ายมาวอลเลย์แอสซิสต์สุดสวยให้ทีมได้ประตูชัย เป็นการชดเชยโอกาสที่พลาดไปในครึ่งแรกได้อย่างยอดเยี่ยม

ดิโอโก ดาโลต์ – 5/10 เป็นอีกหนึ่งคนที่ดูประหม่าและจ่ายบอลพลาดจนทีมเกือบเสียประตู
บรีย็อง เอ็มเบอโม่ – 8/10 จบสกอร์อย่างเลือดเย็นในประตูแรก และประสานงานกับอาหมัดได้อย่างลงตัวที่สุด
เมสัน เมาท์ – 6/10 ทำงานหนักในเกมรับในตำแหน่งกองหน้าตัวหลอก แต่บทบาทในเกมรุกค่อนข้างจำกัด
มาเธอุส คุนญา – 7/10 สร้างปัญหาให้แนวรับลิเวอร์พูลได้ตลอดในครึ่งแรก และไม่เคยกลัวที่จะเก็บบอลไว้กับตัว

ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำแมตช์ : แมนออฟเดอะแมตช์ (Man of The Match) แดงเดือดครั้งที่ 245 ลิเวอร์พูล แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-2 สนามแอนฟิลด์ 19 ตุลาคม 2025
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ลูกหนังชั้นนำ “ฮูสกอร์” (Whoscored) นักเตะยอดเยี่ยมในเกมนี้ตกเป็นของแฮร์รี แม็กไกวร์ กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ดซึ่งเป็นผู้โขกประตูชัยก่อนหมดเวลา 6 นาที
เสียงสะท้อนหลัง “แดงเดือด” ชล็อธ ยอมรับความท้าทาย-ชี้เป้าความผิดพลาด “อโมริม” ถล่มตัวแม้คว้าชัย-ขณะที่ แม็กไกวร์ ชี้สถิติสุดน่าอาย
อาร์เน่อ ชล็อธ ยอมรับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับ “ความท้าทาย” ครั้งสำคัญในการปลุกขวัญกำลังใจลูกทีมลิเวอร์พูล หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาคว้าชัยชนะที่แอนฟิลด์ได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 9 ปี และส่งผลให้แชมป์เก่าผู้กำลังโอนเอนต้องพ่ายแพ้เป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน
กุนซือชาวดัตช์ชี้ว่า “ความสิ้นเปลืองโอกาสหน้าปากประตู” และ “ความผิดพลาดในลูกตั้งเตะอีกครั้ง” คือสาเหตุสำคัญของความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุดนี้

สล็อต กับบทท้าทายและความหวังท่ามกลางความพ่ายแพ้
“ชล็อธ” ยอมรับว่านี่คือบททดสอบครั้งสำคัญในอาชีพของเขา “ชีวิตของผู้จัดการทีมคือความท้าทายที่ต่อเนื่อง ตอนนี้เราแพ้มา 4 นัดรวด และนี่ก็คือความท้าทายอีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม เขายังคงเชื่อมั่นในทีมแต่เราสูญเสียความมั่นใจไปแล้วหรือ? ผมยังไม่เห็นภาพนั้น เพราะทุกเกมที่เราแพ้ เราสามารถสร้างโอกาสได้อย่างมหาศาล หากเรายังคงทำในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ต่อไปได้ และแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ผมก็เชื่อว่าเราจะกลับมาชนะได้อีกครั้งแน่นอน
เขายังได้กล่าวถึงจังหวะเสียประตูแรกที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจนต้องเย็บถึง 4 เข็มว่า ผู้ตัดสินควรจะหยุดเกม แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะใช้มันเป็นข้ออ้าง “นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เราแพ้ เหตุผลคือเราพลาดโอกาสมากเกินไปที่จะชนะเกมฟุตบอลเกมหนึ่ง”
“อโมริม” ชัยชนะ 2 นัดติดที่ไม่เปลี่ยนอะไร !
ในทางกลับกัน รูเบน อโมริม กุนซือวัย 40 ปีแม้จะเพิ่งพาทีมคว้าชัยชนะ 2 นัดติดต่อกันได้เป็นครั้งแรก แต่กลับพยายามลดกระแสความคาดหวังลงในทันที
รูเบน อโมริม กับชัยชนะ 2 นัดติดต่อกัน (AP Photo/Ian Hodgson)
“ผมอยากให้พวกคุณ (สื่อ) ยังคงเล่าเรื่องในแบบเดิมๆ ต่อไป ผมจะไม่เพิ่มเป้าหมายของทีม” กุนซือชาวโปรตุกีสกล่าวอย่างมีเลศนัย “สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือพยายามชนะให้ได้ 3 นัดติดต่อกัน และลืมเรื่องท็อปโฟร์หรือท็อปซิกซ์ไปก่อน… ชัยชนะนัดนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย”
เสียงจากวีรบุรุษกองหลังค่าตัวแพงสุดในโลก “มันน่าอายจริงๆ”
แต่ดูเหมือนว่า แฮร์รี แม็กไกวร์ ฮีโร่ผู้โหม่งประตูชัยจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 32 ปี กล่าวถึงสถิติการชนะ 2 นัดติดเป็นครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของอโมริมว่า “เอาจริงๆ มันน่าอายนะ มันไม่ใช่สถิติที่เราควรจะมาพูดถึงกันด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นสถิติที่น่าอับอาย”
“ตอนนี้เราผ่านมันไปได้แล้ว ก็มาพยายามทำให้มันเป็น 3 นัดรวดในเกมกับไบรท์ตันวันเสาร์นี้กันดีกว่า เพราะเราต้องเริ่มสร้างความสม่ำเสมอให้ได้เสียที เราได้สร้างมาตรฐานขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายจุดที่เราต้องทำให้ดีขึ้น”
ขณะที่อโมริมอาจจะต้องการลดแรงกดดัน แต่คำพูดอันตรงไปตรงมาของกองหลังค่าตัวสถิติ 80 ล้านปอนด์ของเกาะอังกฤษ เกี่ยวกับผลงานในเกมนี้ของเขา บางทีอาจจะบอกเล่าเรื่องราวที่แท้จริงได้ดีกว่า ชัยชนะที่แอนฟิลด์คือมาตรฐานใหม่ก็จริง แต่บททดสอบที่แท้จริงของพลพรรคอสูรแดงในยุคนี้ แม็กไกวร์เชื่อว่ามันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น !.





ข่าวกีฬาประจำวันจันทร์ที่ 20 ต.ค.2025
- ลิเวอร์พูล พบ แมนยู ดูบอลสด ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2025/26 วันที่ 19 ต.ค. 68
- อโมริม เตรียมเดิมพันครั้งใหญ่ ส่ง อูการ์เต้ ลงตัดเกมลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์
- เปิดก่อนได้เปรียบ(มั้ง) เพจลิเวอร์พูลโพสต์รูปถล่มแมนยู 7-0 ก่อนศึกแดงเดือดสุดสัปดาห์นี้
ติดตาม The Thaiger บน Google News: