“อนุทิน” ยืนยันไฟเขียวกองทัพ มีอำนาจตัดสินใจเรื่องรักษาอธิปไตย

อนุทิน ยืนยันให้ไฟเขียวกองทัพ มีอำนาจตัดสินใจเรื่องรักษาอธิปไตยอย่างเต็มที่ เตรียมพร้อมศูนย์อพยพและศูนย์พักพิงให้ประชาชน
นาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลับมาตึงเครียดว่า ตอนนี้พื้นที่ที่มีความตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศกัมพูชาทั้งหมด ซึ่งเราได้ประสานกับฝ่ายกองทัพ ตอนนี้จะเสริมฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปด้วย
เมื่อคืนตนได้พบและได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งก็ได้รับรายงานว่า จะเสริมตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้าไปช่วยทหาร และตนยังได้หารือกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่รับผิดชอบอยู่ตรงนั้น ซึ่งกำลังจะจัดให้มีการ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจและทหาร เพื่อแบ่งหน้าที่ในการดูแลพี่น้องประชาชน
สถานการณ์ตึงเครียด เราก็ต้องเตรียมพร้อม ศูนย์อพยพ ศูนย์พักพิง เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนของเราจะปลอดภัย แต่การอพยพออกมาแล้ว ตนได้ให้เป้าหมายไปว่า สิ่งที่พี่น้องประชาชนจะรู้สึกและแตกต่างอยู่จุดเดียวคือไม่ได้นอนที่บ้าน การใช้ชีวิตคุณภาพชีวิต อาหารการกิน ที่นอนเครื่องนุ่งห่ม ที่หลับที่นอน จะต้องได้มาตรฐาน เรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะต้องมีรถโมบาย เข้าไปเพื่อให้พวกเขาได้สามารถ ลดความเครียด และให้ความร่วมมือกับทางการให้มากที่สุด เมื่อถึงมาตรการตอบโต้ เพราะกัมพูชาก็มีการยั่วยุฝ่ายไทยมาโดยตลอด
นายอนุทิน ย้ำว่า เรื่องนี้อย่างที่ตนได้เคยพูดไฟเขียวให้ทางกองทัพ มีอำนาจในการตัดสินใจ ในเรื่องการรักษาอธิปไตย อย่างเต็มที่
เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวว่าทหารในพื้นที่ชายแดนขาดแคลนข้าวสาร ต้องกินมาม่ากับปลากระป๋อง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ แต่ได้แจ้งไปแล้วว่าหากขาดเหลือสิ่งใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะต้องไปดูแลกำลังพล ให้มีขวัญกำลังใจ ที่สมบูรณ์พร้อมรบ ก็ขอให้แจ้งมา เราจะสนับสนุนในทุกวิถีทาง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “กองทัพภาค 2” แจง หลัง “เล็ก วาสนา” โพสต์ทหารขาดเสบียง กินแต่มาม่า
- ตามคาด กัมพูชาฟ้อง UN อ้างไทยโจมตีก่อน-ไล่คนเขมร วอนหยุดทำตัวก้าวร้าว
- กัมพูชา กล่าวหา ไทย เปิดฉากยิงพื้นที่อานม้า โอดอดกลั้น ไม่ตอบโต้แต่อย่างใด
ติดตาม The Thaiger บน Google News: