รีวิว DJI Mini 5 Pro โดรนจิ๋วสเปกยักษ์ พลิกวงการด้วยเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว

วิเคราะห์เจาะลึกทุกฟีเจอร์เด่น DJI Mini 5 Pro ตั้งแต่กล้องระดับโปร, ระบบกันชน LiDAR สำหรับการบินกลางคืน, น้ำหนัก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อโดรนที่ทันสมัยที่สุดในคลาสเดียวกัน
JI ได้เปิดตัว Mini 5 Pro โดรนขนาดเล็กในซีรีส์ Mini มาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ ด้วยการนำเทคโนโลยีระดับโปรมาย่อส่วนไว้ในตัวเครื่องที่มีน้ำหนักไม่ถึง 250 กรัม ถือเป็นการทลายข้อจำกัดเดิมๆ ที่โดรนขนาดเล็กมักต้องแลกมาด้วยประสิทธิภาพที่ด้อยกว่ารุ่นใหญ่ โดรนรุ่นนี้ถือเป็นอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา

อัปเกรดกล้องครั้งใหญ่ด้วยเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว
นี่คือครั้งแรกของโดรนในคลาสต่ำกว่า 250 กรัม ที่ใช้เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด 1 นิ้ว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเซ็นเซอร์ 1/1.3 นิ้ว ในรุ่น Mini 4 Pro ถึง 65-68% ผลลัพธ์ที่ได้คือความสามารถในการรับแสงที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้ถ่ายภาพและวิดีโอในที่แสงน้อย เช่น ช่วงพลบค่ำ หรือกลางคืนในเมือง ได้คมชัดและมีสัญญาณรบกวน (noise) น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
Mini 5 Pro รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที (fps) ซึ่งสูงกว่า Mini 4 Pro ที่ทำได้ 100fps ทำให้ได้ภาพสโลว์โมชันที่ไหลลื่นและมีรายละเอียดสูงขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถถ่าย Full HD (1080p) ได้สูงสุดถึง 240fps ที่สำคัญคือรองรับการบันทึกสีแบบ 10-bit ในทุกโปรไฟล์สี แม้กระทั่งโปรไฟล์สีมาตรฐาน ทำให้ได้สีที่สมจริงและไล่เฉดได้เนียนตากว่า 1 พันล้านสี โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการเกรดสีที่ซับซ้อน
กิมบอล 3 แกน ถูกออกแบบใหม่ให้สามารถหมุนในแกนโรล (Roll) ได้ถึง 225 องศา สร้างสรรค์มุมมองภาพที่แปลกใหม่และดูมีมิติเหมือนโดรน FPV ระดับมืออาชีพ พร้อมยังคงฟีเจอร์เด่นอย่าง “True Vertical Shooting” หรือการหมุนกล้องเป็นแนวตั้ง 90 องศา เพื่อถ่ายคอนเทนต์สำหรับโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok หรือ Instagram Reels โดยไม่เสียความละเอียด
บินได้นานและทนทานขึ้น ระบบกันชน LiDAR เพื่อการบินกลางคืน
แบตเตอรี่มาตรฐานสามารถบินได้นานสูงสุด 36 นาที เพิ่มขึ้นจาก 34 นาทีในรุ่นก่อน หากใช้แบตเตอรี่เสริม Intelligent Flight Battery Plus จะสามารถบินได้นานถึง 52 นาที ทนทานต่อแรงลมได้ดีขึ้นถึงระดับ 6 (12 เมตร/วินาที) เทียบกับระดับ 5 (10.7 เมตร/วินาที) ใน Mini 4 Pro ทำให้บินได้นิ่งและปลอดภัยในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย
การอัปเกรดที่สำคัญที่สุดในด้านความปลอดภัยคือระบบหลบหลีกสิ่งกีดขวางรอบทิศทาง “Nightscape Omnidirectional Obstacle Sensing” Mini 5 Pro เป็นรุ่นแรกในซีรีส์ที่เพิ่มเซ็นเซอร์ LiDAR (Light Detection and Ranging) เข้ามาทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ภาพเดิม LiDAR ทำงานโดยการยิงเลเซอร์เพื่อสร้างแผนที่ 3 มิติของสภาพแวดล้อม ทำให้สามารถตรวจจับและหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำแม้ในที่มืดสนิท ซึ่งเป็นจุดอ่อนของระบบที่ใช้เพียงกล้องเพียงอย่างเดียว เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ฟีเจอร์อย่างการบินกลับฐาน (Return-to-Home) ในเวลากลางคืนมีความปลอดภัยสูงสุด

ฟีเจอร์อำนวยความสะดวก
- หน่วยความจำภายใน 42GB: เป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จากรุ่น Mini 4 Pro ที่มีเพียง 2GB ช่วยให้สามารถถ่ายงานต่อได้แม้ลืมใส่การ์ดความจำ หรือเมื่อการ์ดเต็มระหว่างบิน
- Off-State QuickTransfer: ฟีเจอร์ถ่ายโอนไฟล์ความเร็วสูงไปยังสมาร์ทโฟนผ่าน Wi-Fi 6 (สูงสุด 100 MB/s) โดยไม่จำเป็นต้องเปิดโดรนและรีโมตคอนโทรล ช่วยประหยัดเวลาและแบตเตอรี่
ปกติแล้ว จุดขายสำคัญของโดรนซีรีส์ Mini คือน้ำหนักที่ไม่ถึง 250 กรัม ซึ่งทำให้นักบินในหลายประเทศไม่ต้องลงทะเบียนโดรนตามกฎหมาย แต่สำหรับ Mini 5 Pro สเปกอย่างเป็นทางการระบุว่าน้ำหนักอาจคลาดเคลื่อนได้ คืออยู่ที่ประมาณ 249.9 กรัม (บวกลบ 4 กรัม)
นั่นหมายความว่า โดรนบางลำที่ผลิตออกมาอาจมีน้ำหนักจริงเกิน 250 กรัมได้ ภาระในการตรวจสอบเพื่อให้ถูกกฎหมายจึงตกเป็นของผู้ใช้งาน ซึ่งอาจต้องชั่งน้ำหนักโดรนด้วยตัวเองเพื่อความแน่ใจ ซ้ำหากเลือกใช้แบตเตอรี่เสริมรุ่น Intelligent Flight Battery Plus น้ำหนักของโดรนจะเกิน 250 กรัมอย่างแน่นอน
กฎหมายของประเทศไทย โดรนส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีการลงทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 2 แห่ง คือ สำนักงาน กสทช. และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
โดรนที่ต้องขึ้นทะเบียนทุกกรณี คือ โดรนที่ติดตั้งกล้องบันทึกภาพ ไม่ว่าจะมีน้ำหนักเท่าใดก็ตาม หากมีกล้องติดตั้งมากับตัวเครื่อง จะต้องทำการขึ้นทะเบียนทุกกรณี หรือแม้ว่าจะไม่มีกล้อง แต่หากน้ำหนักตัวเครื่องเกิน 2 กิโลกรัม จะต้องขึ้นทะเบียน ถ้าโดรนที่มีน้ำหนักเกิน 25 กิโลกรัม นอกจากจะต้องขึ้นทะเบียนแล้ว ยังต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมด้วย
ส่วนโดรนที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องขึ้นทะเบียน คือ โดรนที่ไม่มีกล้องบันทึกภาพ และมีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม
ข้อควรระวังคือ หากบังคับหรือปล่อยโดรนโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีโทษตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มีความผิดตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม ฐานใช้คลื่นความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เปรียบเทียบ DJI Mini 5 Pro กับ Mini 4 Pro
คุณสมบัติ | DJI Mini 5 Pro | DJI Mini 4 Pro | ความสำคัญของการอัปเกรด |
น้ำหนักขึ้นบิน | 249.9 กรัม (คลาดเคลื่อน ±4 กรัม) | < 249 กรัม | สูง: มีความคลุมเครือทางกฎหมาย |
เซ็นเซอร์กล้อง | 1-inch CMOS | 1/1.3-inch CMOS | สูงมาก: พัฒนาคุณภาพของภาพแบบก้าวกระโดด |
วิดีโอสูงสุด | 4K/120fps | 4K/100fps | ปานกลาง: สโลว์โมชันได้ลื่นไหลขึ้น |
โปรไฟล์สี | 10-bit (D-Log M/HLG/Standard) | 10-bit (D-Log M/HLG) | สูง: ได้ไฟล์คุณภาพสูงแม้ไม่เกรดสี |
การหมุนของกิมบอล | 225° Roll | 60° Upward Tilt | สูงมาก: ปลดล็อกมุมมองสร้างสรรค์ใหม่ๆ |
ระบบกันชน | Nightscape รอบทิศทาง (มี LiDAR) | รอบทิศทาง (ใช้กล้อง) | สูงมาก: ปลอดภัยขึ้นอย่างมากในที่แสงน้อย |
เวลาบินสูงสุด | 36 นาที (ปกติ) / 52 นาที (Plus) | 34 นาที (ปกติ) / 45 นาที (Plus) | ปานกลาง: บินได้นานขึ้น โดยเฉพาะแบตฯ Plus |
หน่วยความจำภายใน | 42 GB | 2 GB | สูงมาก: เพิ่มความสะดวกและเป็นหลักประกัน |

ติดตาม The Thaiger บน Google News: