CEO บ.เครื่องสำอางญี่ปุ่น ด่าหยาบพนักงานสาว “แกมันก็แค่หมาข้างถนน” จนฆ่าตัวตาย ศาลสั่งจ่ายชดใช้ 40 ล้าน

ศาลสั่ง บริษัทเครื่องสำอางญี่ปุ่นจ่าย 40 ล้าน ชดเชยพนักงานสาวฆ่าตัวตายเหตุถูกประธานบูลลี่ ใช้คำพูดรุนแรง “แกมันก็แค่หมาข้างถนน” ตะคอกใส่พนักงานใหม่นานเกือบชั่วโมง จนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและจบชีวิตในวัย 25 ปี
ศาลแขวงโตเกียวมีคำตัดสินให้บริษัทเครื่องสำอาง “D-UP” ของญี่ปุ่น จ่ายเงินชดเชยจำนวน 150 ล้านเยน หรือประมาณ 40 ล้านบาท แก่ครอบครัวของอดีตพนักงานหญิงที่ฆ่าตัวตาย หลังจากศาลสรุปว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการถูกประธานบริษัทใช้อำนาจในทางมิชอบ
คำตัดสินยังระบุเงื่อนไขที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง คือ นายมิตสึรุ ซาคาอิ ประธานบริษัท ต้องลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งทางบริษัทได้ยืนยันว่าประธานได้ลาออกแล้วตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา
ตามข้อมูลจากทนายความของครอบครัวผู้เสียชีวิต “ซาโตมิ” (นามสมมติ) เริ่มเข้าทำงานที่บริษัท D-UP ในเดือนเมษายน ปี 2021 ด้วยความฝันที่อยากจะสร้างแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองในวัย 30 ปี แต่หลังจากทำงานได้เพียง 8 เดือน ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน เธอมีปัญหากับหัวหน้างานและถูกสั่งให้เข้าพบประธานบริษัทโดยตรง
ในห้องประชุม ซาโตมิถูกนายซาคาอิต่อว่าอย่างรุนแรงเป็นเวลานานเกือบ 50 นาที ด้วยถ้อยคำเช่น “อย่ามาดูถูกผู้ใหญ่นะ” และคำพูดที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ว่า “แกมันก็แค่หมาข้างถนน”
วันนั้นเมื่อเธอกลับถึงบ้าน ได้เล่าให้พ่อแม่ฟังว่า “ประธานบริษัทเรียกหนูว่าหมาข้างถนน… หนูขอโทษนะ ถ้าหนูเป็นหมาข้างถนน ก็เท่ากับว่าพ่อกับแม่ก็ถูกว่าเป็นพ่อแม่ของหมาข้างถนนไปด้วยใช่ไหม”
หลังจากโดนด่าวันนั้น ซาโตมิถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าในเดือนมกราคม 2022 ต้องหยุดงานเพื่อรักษาตัว แต่เมื่อครบกำหนดลาป่วย 6 เดือน เธอก็ถูกเลิกจ้าง ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน ซาโตมิได้พยายามฆ่าตัวตาย แม้จะรอดชีวิตมาได้แต่ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย จนกระทั่งเสียชีวิตในเดือนตุลาคมปีถัดมา ขณะมีอายุเพียง 25 ปี
ครอบครัวของซาโตมิได้ยื่นฟ้องร้องบริษัทและประธานบริษัท ยืนยันว่าการกระทำของประธานคือสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ลูกสาวของพวกเขาต้องเสียชีวิต
ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว กรมคุ้มครองแรงงานได้วินิจฉัยว่า คำพูดและการกระทำของประธานบริษัทเข้าข่าย Power Harassment และรับรองว่าการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจนนำไปสู่การเสียชีวิตของซาโตมิ เป็นอุบัติเหตุจากการทำงาน
คดีได้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย จนกระทั่งศาลมีคำตัดสินในวันที่ 9 กันยายน 2025 ให้บริษัทต้องยอมรับผิดและจ่ายเงินชดเชย ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่ยื่นคัดค้าน ทำให้คำตัดสินมีผลบังคับใช้ทันที
พี่สาวของซาโตมิกล่าวทั้งน้ำตาในงานแถลงข่าวว่า “ฉันอยากให้เขาขอโทษในตอนที่น้องสาวยังมีชีวิตอยู่ ซาโตมิเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก เธอทุ่มเทให้กับสิ่งที่เธอรัก ฉันอยากให้สังคมเลิกทำลายคนที่กำลังพยายาม และหันมาดูแลซึ่งกันและกันอย่างอบอุ่น”
ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า “ไม่ว่าเราจะเกลียดบริษัทแค่ไหน ซาโตมิก็ไม่มีวันกลับมาแล้ว ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพนักงานใหม่ในอนาคตอีก” ส่วนผู้เป็นแม่กล่าวว่า “ผลการตัดสินครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่า ซาโตมิไม่ได้ทำอะไรผิด เธอเป็นฝ่ายถูก”
ด้านบริษัท D-UP ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ แสดงความขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมยืนยันการลาออกของประธานบริษัท และประกาศมาตรการป้องกันปัญหาในอนาคต เช่น การทบทวนกฎระเบียบป้องกันการคุกคาม การจัดอบรมสำหรับผู้บริหารและพนักงานทุกคน และการจัดตั้งช่องทางรับเรื่องร้องเรียนจากบุคคลภายนอก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อ.ปวิน พูดโดนใจ คนแห่เมนต์เป็นหมื่น หลัง คำผกา บูลลี่ สส.หมิว โรคซึมเศร้า
- ชีวิตเศร้า อวี๋เหมิงหลง โดนแบนงานละคร 3 ปี เพราะไม่ยอมรับ “กฎใต้โต๊ะ” สุดท้ายเสียชีวิตสลด
- ศาลญี่ปุ่นสั่งบ.ชดใช้เงิน 150 ล้าน หลังพนักงานใหม่ถูกเรียกไปด่า จนเป็นซึมเศร้าก่อนปลิดชีพตัวเอง
ติดตาม The Thaiger บน Google News: