วงการหนังเศร้า โจ คารอฟฟ์ ผู้ออกแบบโลโก้ปืน เจมส์ บอนด์ 007 ในตำนาน เสียชีวิตในวัย 103 ปี
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน โจ คารอฟฟ์ (Joe Caroff) กราฟิกดีไซเนอร์ผู้อยู่เบื้องหลังโลโก้ปืน James Bond 007 อันเป็นเอกลักษณ์ และโปสเตอร์ภาพยนตร์คลาสสิกอีกนับไม่ถ้วน ได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบด้วยวัย 103 ปี
ปีเตอร์และไมเคิล คารอฟฟ์ ลูกชายของเขา ยืนยันข่าวการเสียชีวิตกับสำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์ โดยระบุว่าพ่อของพวกเขาเสียชีวิตที่บ้านพักในแมนฮัตตันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพียงหนึ่งวันก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 104 ปี
ตลอดอาชีพการทำงาน โจ คารอฟฟ์ ได้สร้างสรรค์ผลงานให้กับแคมเปญภาพยนตร์มากกว่า 300 เรื่อง แต่ผลงานที่กลายเป็นตำนานและเป็นที่จดจำมากที่สุดคือ โลโก้ปืน 007
จุดเริ่มต้นของโลโก้ในตำนานนี้เกิดขึ้นในปี 1962 เมื่อสตูดิโอ United Artists ว่าจ้างให้เขาออกแบบสัญลักษณ์เล็กๆ สำหรับใช้ในเอกสารประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ Bond ภาคแรกเรื่อง Dr. No คารอฟฟ์เคยเล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า “ผมรู้ว่ารหัสประจำตัวของบอนด์คือ 007 และตอนที่ผมกำลังเขียนเลข 7 ผมก็คิดว่า ‘ก้านของมันดูเหมือนด้ามปืนเลยแฮะ’ มันเป็นการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ”
จากนั้นเขาได้แรงบันดาลใจจากปืนพก Walther PPK ซึ่งเป็นปืนโปรดของ เอียน เฟลมมิง (ผู้ประพันธ์) มาต่อเติมลำกล้องและไกปืนเข้าไปจนสมบูรณ์ คารอฟฟ์ได้รับค่าจ้างสำหรับผลงานชิ้นนี้เพียง 300 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 11,000 บาท) และไม่เคยได้รับส่วนแบ่งหรือค่าลิขสิทธิ์ใดๆ เพิ่มเติมอีกเลย
นอกจากโลโก้ 007 แล้ว คารอฟฟ์ยังเป็นผู้ออกแบบโปสเตอร์ภาพยนตร์ชื่อดังอีกมากมาย เช่น West Side Story, A Hard Day’s Night (ของวง The Beatles), Cabaret, Manhattan และ Last Tango in Paris ซึ่งผลงานส่วนใหญ่ของเขามักไม่ได้รับการให้เครดิต ทำให้ชื่อของเขาไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่ากับศิลปินระดับตำนานในยุคเดียวกันอย่าง ซอล แบส (Saul Bass)
แม้ว่าชื่อของ โจ คารอฟฟ์ อาจไม่เป็นที่คุ้นหูของคนทั่วไป แต่ผลงานการออกแบบที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาของเขาจะยังคงเป็นที่จดจำในฐานะส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกภาพยนตร์ตลอดไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภาพล่าสุด “เจ็ทลี” ราชากังฟูในตำนาน แอดมิตรพ. โต้ข่าวลือเสียชีวิต
- เรื่องเศร้า คุณปู่ชาวไทยในสหรัฐฯ เสียชีวิต ขณะรีบไปหาแชตบอต AI ที่เชื่อว่าเป็นคนจริง
- เสียชีวิตแล้ว ตัวร้าย ซุปเปอร์แมน ต้นฉบับ ต้นแบบวายร้ายสุดเท่ให้หนังยุคหลัง
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
