ทรัมป์เดือด ส่งเรือรบขู่ อิหร่าน หลังยิงขีปนาวุธ พลาดโดนสถานทูตฯ

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งเรือรบบรรทุกเครื่องบินไปตะวันออกกลาง หลังอิหร่านเปิดฉากยิงขีปนาวุธโต้กลับอิสราเอล แต่พลาดเป้าถล่มสถานทูตสหรัฐอเมริกา เสียหาย
เมื่อเช้ามืดของวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังมีการยิงขีปนาวุธตอบโต้กันระหว่างอิหร่าน กับอิสราเอล แต่ขีปนาวุธของอิหร่านได้พลาดเป้าโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ ในอิสราเอล หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าว่าจะทำการ ปลดปล่อยนรก หากอิหร่านคุกคามสหรัฐฯ ล่าสุดเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ กำลังเคลื่อนไปยังตะวันออกกลางแล้ว
เหตุการณ์ปะทะระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมานั้น หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างไม่คาดคิด ต่อโรงงานนิวเคลียร์และฐานทัพหลายแห่งของอิหร่าน ส่งผลให้อิหร่านตอบโต้กลับอย่างรุนแรง และเปิดฉากยิงขีปนาวุธ และโดรนถล่มอิสราเอล

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงจุดยืนสนับสนุนการกระทำของอิสราเอลอย่างเต็มที่ พร้อมเตือนให้อิหร่านหลีกเลี่ยงการสูญเสียเพิ่มเติม และยอมเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับกลุ่มมหาอำนาจโลก P5+1 (ประกอบด้วย สหรัฐฯ, อังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, จีน และรัสเซีย) ซึ่งเป็นกลุ่มที่พยายามเจรจากับอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2006 ที่ผ่านมา
การโจมตีของอิหร่านเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายเล็กน้อยให้แก่ที่ทำการสถานทูตสหรัฐฯ ในอิสราเอล นายไมค์ ฮัคคาบี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอล ยืนยันว่าแม้จะมีความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันได้รับบาดเจ็บ และได้ประกาศปิดทำการสถานทูตชั่วคราว

หลังสถานทูตสหรัฐฯ ได้รับความเสียหาย ทรัมป์ได้ออกประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า “สหรัฐฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีอิหร่านในคืนนี้ แต่หากเราถูกโจมตีไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตามโดยอิหร่าน พลังและแสนยานุภาพทั้งหมดของกองทัพสหรัฐฯ จะถาโถมเข้าใส่พวกคุณในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”
พร้อมกันนี้ เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ USS Nimitz ของสหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้ามายังตะวันออกกลางเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ ทรัมป์ยังเปิดช่องทางการทูต โดยระบุว่า “เราสามารถทำข้อตกลงระหว่างอิหร่านและอิสราเอลให้ลุล่วงได้อย่างง่ายดาย และยุติความขัดแย้งนองเลือดนี้ได้”
จากเหตุการณ์ปะทะกันในหลายวันที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติระบุเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า มีผู้เสียชีวิตในอิหร่าน 78 รายและบาดเจ็บกว่า 320 ราย ขณะที่อิสราเอลมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย ซึ่งคาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บของทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นอีก
ที่มา: UNILAD
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กัมพูชาโดนแล้ว! ทรัมป์ จ่อแบนเพิ่ม 36 ประเทศ ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ
- แปลกแต่จริง เผยยอดสั่งพิซซ่าถล่มเพนตากอน ก่อนอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน
- คลิป ผู้ประกาศข่าวหนีตาย กลางรายการสด อิสราเอล บึ้มสถานีโทรทัศน์อิหร่าน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: