เทคโนโลยี

เก่งจนน่าห่วง เทรนด์ใหม่ ใช้ ChatGPT ส่องพิกัดจากรูป กังวลละเมิดความเป็นส่วนตัว

เทรนด์ใหม่น่าห่วง ChatGPT โมเดลใหม่ o3 วิเคราะห์ภาพได้ล้ำลึก สามารถค้นหาตำแหน่งจากรูปถ่ายได้แม่นยำ โซเชียล เริ่มตระหนัก เสี่ยงต่อการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว

กลายเป็นเทรนด์ใหม่สุดไวรัลที่มาพร้อมกับความสามารถอันน่าทึ่ง เมื่อมีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ techcrunch ว่า แพลตฟอร์มเครื่องมือ AI ชื่อดัง ChatGPT สามารถ ค้นหาตำแหน่งย้อนกลับจากภาพถ่าย (Reverse Location Search) ได้อย่างแม่นยำ โดยอาศัยขุมพลังจากโมเดล AI รุ่นใหม่ล่าสุด

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา OpenAI บริษัทผู้พัฒนา ChatGPT ได้เปิดตัวโมเดล AI ใหม่ o3 และ o4-mini ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นในการ “ใช้เหตุผลเชิงภาพ” (Visual Reasoning) กล่าวคือ โมเดลใหม่นี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากภาพที่อัปโหลดลงไปได้ โดยสามารถทำการตัดภาพ หมุนภาพ หรือซูมเข้าไปในรายละเอียดต่าง ๆ แม้จะเป็นภาพที่เบลอหรือไม่สมบูรณ์ก็ตาม

chatgpt หาโลเคชั่นได้
ภาพจาก : emollick

เมื่อความสามารถในการวิเคราะห์ภาพขั้นสูงนี้ถูกผนวกเข้ากับความสามารถในการค้นหาข้อมูลบนเว็บ (Web Search) ทำให้ ChatGPT กลายเป็นเครื่องมือค้นหาตำแหน่งจากภาพถ่ายที่ให้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยม โดยผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) ต่างโพสต์ข้อความชื่นชมความสามารถของโมเดล o3 ว่ามีความเก่งกาจในการระบุชื่อเมือง, สถานที่สำคัญ (Landmark) หรือแม้กระทั่งให้คำตอบเกี่ยวกับชื่อร้านอาหาร หรือบาร์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่อาศัยเพียงเบาะแสเล็ก ๆ ที่ปรากฏในภาพถ่าย

ในขณะเดียวกัน ความสามารถที่ก้าวล้ำนี้ได้ก่อให้เกิดคำถามและข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว เพราะเปรียบเสมือนการเปิดช่องให้ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถนำภาพถ่ายจากที่ต่าง ๆ เช่น ภาพจากอินสตาแกรมสตอรี่ของบุคคลอื่น มาให้ ChatGPT วิเคราะห์เพื่อ เปิดโปงข้อมูลส่วนตัวหรือตำแหน่งที่อยู่ (Doxxing) และในรายงานด้านความปลอดภัยของโมเดล o3 และ o4-mini ที่ OpenAI เผยแพร่ออกมานั้น ก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงประเด็นความเสี่ยงนี้โดยเฉพาะแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว TechCrunch ได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบความสามารถในการระบุตำแหน่งระหว่าง o3 และโมเดลรุ่นก่อนหน้าอย่าง GPT-4o ซึ่งไม่มีความสามารถด้าน Image Reasoning โดยตรง แต่ยังสามารถวิเคราะห์ภาพพื้นฐานและค้นเว็บได้ โดยผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างน่าประหลาดใจ เพราะบ่อยครั้งที่ GPT-4o ก็สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้เช่นเดียวกับ o3 อีกทั้งบางครั้งยังใช้เวลาน้อยกว่าด้วย

ถึงอย่างนั้น ก็มีอีกหลาย ๆ กรณีที่ o3 แสดงผลลัพธ์ได้เหนือชั้นยิ่งกว่า อาทิ ในการทดสอบกับภาพถ่ายหัวแรดติดผนังในบาร์ที่แสงสลัว โมเดล o3 สามารถระบุได้อย่างถูกต้องว่า เป็นบาร์ลับแห่งหนึ่งในย่านวิลเลียมสเบิร์ก นิวยอร์ก ขณะที่ GPT-4o เดาผิดว่าเป็นผับในอังกฤษ

นอกจากนี้ การทดสอบยังพบว่า o3 ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเสียทีเดียว เพราะยังมีบางครั้งที่ให้คำตอบผิดพลาด หรือไม่สามารถให้คำตอบได้

ล่าสุด ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากข่าวนี้เผยแพร่ออกไป โฆษกของ OpenAI ก็ได้ส่งแถลงการณ์ถึงสำนักข่าว TechCrunch โดยระบุว่า

“OpenAI o3 และ o4-mini นำความสามารถด้านการใช้เหตุผลเชิงภาพมาสู่ ChatGPT ทำให้มันมีประโยชน์มากขึ้นในด้านต่าง ๆ เช่น การช่วยการเข้าถึง (Accessibility), การวิจัย หรือการระบุตำแหน่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน เราได้พยายามฝึกฝนโมเดลของเราให้ปฏิเสธคำขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อน

และเพิ่มมาตรการป้องกัน ที่มุ่งหมายจะห้ามโมเดลระบุตัวตนบุคคลส่วนบุคคลในภาพ รวมถึงมีการตรวจสอบอย่างแข็งขันพร้อมดำเนินการกับการละเมิด นโยบายการใช้งานด้านความเป็นส่วนตัวของเรา”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thaiger deals

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button