
พิษกำแพงภาษีทรัมป์ iPhone เสี่ยงแพงขึ้น 30-40% รุ่นท็อปเกือบแตะ 8 หมื่นบาท เหตุสหรัฐฯ ขึ้นภาษีจีน 54% ฝั่ง Apple เจอปัญหาหนัก ฐานผลิตอยู่ในจีน หุ้นดิ่ง นักวิเคราะห์จับตาทางออก
สาวกไอโฟนอาจเจอปัญหาใหญ่ หลังนโยบายกำแพงภาษีครั้งใหม่ของประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ แห่งสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายนนี้ ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก โดยสินค้าขวัญใจมหาชนอย่าง iPhone ของ Apple อาจเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
สำนักข่าวต่างประเทศ reuters รายงานถึงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่า ราคาไอโฟน (iPhone) รุ่นใหม่ อาจพุ่งสูงขึ้นถึง 30-40% เนื่องจากไอโฟนส่วนใหญ่ยังคงมีฐานผลิตอยู่ในจีน และนโยบายกำแพงภาษีที่สหรัฐฯ ตั้งขึ้นนี้ มีผลต่อสินค้านำเข้าจากนานาประเทศ โดยเฉพาะจีน ซึ่งถูกเรียกเก็บในอัตราสูงถึง 54%
ด้วยเหตุนี้ทำให้ Apple กำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก ว่าจะยอม “แบกรับต้นทุน” ภาษีที่เพิ่มขึ้นเอง ซึ่งจะกระทบต่อกำไรมหาศาล หรือจะ “ผลักภาระ” ให้กับลูกค้าโดยตรงด้วยการขึ้นราคา

เพียงในช่วงแรกเริ่มที่นโยบายเริ่มประกาศสู่สาธารณชน หุ้นของ Apple ปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก็ร่วงลงถึง 9.3% ซึ่งถือเป็นครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 และแน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้ได้สะท้อนความกังวลอย่างหนักของบรรดานักลงทุน
นักวิเคราะห์จาก Rosenblatt Securities ประเมินว่า หาก Apple เลือกที่จะขึ้นราคาเต็มอัตราภาษี อาจต้องปรับราคา เพิ่มขึ้นถึง 43% ซึ่งหากลองคำนวณราคาคร่าว ๆ iPhone 16 รุ่นเริ่มต้น ที่ราคาเปิดตัวในสหรัฐฯ 799 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 27,245 บาท อาจถูกปรับขึ้นเป็น 1,142 ดอลลาร์ หรือประมาณ 38,940 บาท
ขณะที่ iPhone 16 Pro Max รุ่นท็อป ความจุ 1TB ราคาปัจจุบันที่ 1,599 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 54,525 บาท อาจราคาพุ่งไปเกือบ 2,300 ดอลลาร์ หรือประมาณ 78,000 บาท และในส่วนของ iPhone 16e รุ่นราคาประหยัด ก็อาจจะไม่ประหยัดอีกต่อไป เพราะจากราคาเริ่มต้น 599 ดอลลาร์ หรือประมาณ 20,000 บาท) มีโอกาสที่จะขยับไปเป็น 856 ดอลลาร์ ราว ๆ 29,200 บาท

สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นอีก เมื่อขณะนี้ยอดขาย iPhone กำลังอยู่ในช่วงซบเซา ประกอบกับฟีเจอร์ AI ใหม่อย่าง “Apple Intelligence” ก็ยังไม่สามารถสร้างความตื่นเต้น หรือมีเหตุผลจูงใจมากพอให้ผู้ใช้เก่าอัปเกรด ซึ่งการที่ยอดขายชะลอตัวอยู่แล้ว ทำให้แรงกดดันด้านต้นทุนจากกำแพงภาษีครั้งนี้ยิ่งส่งผลกระทบต่อ Apple หนักขึ้นทวีคูณ
แอนเจโล ซิโน นักวิเคราะห์ด้านหุ้นจาก CFRA Research เชื่อว่า Apple จะผลักภาระให้ผู้บริโภคได้จำกัดมากที่สุด แค่ 5-10% และคาดว่า Apple จะยังไม่ขึ้นราคาครั้งใหญ่ จนกว่าจะถึงการเปิดตัว iPhone 17 ในช่วงเดือนกันยายนนี้
ทางด้าน นีล ชาห์ จาก Counterpoint Research ประเมินว่า Apple จำเป็นต้องขึ้นราคาเฉลี่ยอย่างน้อย 30% เพื่อชดเชยภาระภาษี และขณะเดียวกัน บาร์ตัน คร็อกเก็ตต์ จาก Rosenblatt Securities คาดการณ์ว่า ผลกระทบจากภาษีอาจทำให้ Apple เสียหายสูงถึง 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 1.36 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ทั้งหลายเชื่อว่าจะต้องมีการเจรจาต่อรองระหว่าง Apple ประเทศจีน และรัฐบาลทรัมป์ อย่างแน่นอน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดรุ่น iPhone ได้ไปต่อ iOS 19 อัปเดตฟีเจอร์ใหม่น่าสนใจทั้งหมด
- ลือดีไซน์ iPhone 17 Pro กล้องปรับใหม่ ตัวเครื่องอะลูมิเนียม พร้อมชิป A19 Pro
- iCare จัดโปร Summer Battery Mega ลดราคาเปลี่ยนแบตไอโฟน ทุกรุ่น 1100 บาท
