เปิด 3 อาชีพ รอดจาก AI ตามคำทำนาย บิล เกตส์

บิล เกตส์ ชี้ AI จ่อปฏิวัติโลกการทำงานใน 10 ปี ทดแทนหมอ-ครู แต่ยังเหลือ 3 อาชีพปลอดภัย พร้อมแนะมองเป็นโอกาสสร้างนวัตกรรม แม้มีความท้าทาย
บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์และนักการกุศลชื่อดัง ได้จุดประกายการถกเถียงครั้งสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกครั้ง โดยคาดการณ์ว่าภายในทศวรรษหน้า AI จะเข้ามามีบทบาทแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายสาขาอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงการแพทย์และการศึกษา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังชี้ว่ามีบางอาชีพที่ยังคงปลอดภัยจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
ยุคแห่ง “ปัญญาเสรี” และผลกระทบต่อวิชาชีพ
ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ “The Tonight Show Starring Jimmy Fallon” ทางช่อง NBC เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการโปรโมทหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มแรกของเขา “Source Code” เกตส์ได้อธิบายถึงวิสัยทัศน์ของเขาต่อ AI อย่างชัดเจน เขามองว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า “ยุคแห่งปัญญาเสรี” (Free Intelligence)
“ยุคที่เราเพิ่งเริ่มต้นขึ้นนี้คือยุคที่ ‘ปัญญา’ ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่หายาก เช่น แพทย์ที่เก่ง หรือครูที่ยอดเยี่ยม กำลังจะกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ฟรีและแพร่หลายภายในทศวรรษหน้า ด้วย AI” เกตส์กล่าว “คำแนะนำทางการแพทย์ที่ดีเยี่ยม หรือการสอนพิเศษที่ยอดเยี่ยม จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา”
เขามองว่า การพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญทักษะสูงอย่างแพทย์ ครู หรือแม้แต่นักจิตวิทยา/ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จะลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อ AI มีความสามารถมากขึ้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และน่าเชื่อถือมากขึ้น “มันค่อนข้างลึกซึ้ง” เกตส์เสริม “เพราะมันช่วยแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้มากมาย เช่น การที่เรามีแพทย์ไม่เพียงพอ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตไม่เพียงพอ”
อนาคตการทำงาน มนุษย์อาจไม่จำเป็น?
การเข้ามาของ AI ที่ทรงพลังนี้ นำมาซึ่งคำถามสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและตลาดแรงงาน เกตส์ยอมรับว่าสิ่งนี้ “นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมากมาย” ทำให้เกิดคำถามเช่น “รูปแบบงานในอนาคตจะเป็นอย่างไร?” หรือ “เราควรจะทำงานแค่ 2-3 วันต่อสัปดาห์หรือไม่?”
เมื่อพิธีกร จิมมี่ ฟอลลอน ถามต่อไปว่า “แล้วเราจะยังต้องการมนุษย์อยู่ไหม?” เกตส์ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “อาจจะไม่สำหรับงานส่วนใหญ่ (Not for most things)”
อย่างไรก็ตาม เขาก็เสริมว่าท้ายที่สุดแล้ว “เราจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง” ว่าบทบาทใดที่มนุษย์จะยังคงสงวนไว้สำหรับตนเอง “อย่างเช่น เบสบอล เราคงไม่อยากดูคอมพิวเตอร์เล่นเบสบอล” เกตส์ยกตัวอย่าง “ดังนั้น จะมีบางสิ่งที่เร_าเก็บไว้สำหรับตัวเอง แต่ในแง่ของการผลิตสิ่งของ การขนย้าย หรือการเพาะปลูกอาหาร เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัญหาที่ได้รับการแก้ไขโดยพื้นฐาน (ด้วย AI)”
เกตส์ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็น “ดินแดนใหม่ที่ไม่เคยมีใครไปถึง” และเป็นเรื่องที่ “น่ากลัวอยู่บ้าง” สำหรับผู้คน
3 อาชีพที่ (อาจ) ยังปลอดภัยจาก AI
แม้จะคาดการณ์ถึงการแทนที่ในหลายบทบาท เกตส์ก็ได้ระบุถึง 3 สายอาชีพที่เขามองว่ายังคงปลอดภัยจาก AI อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ตามรายงานข่าวที่อ้างอิงคำพูดของเขา
1.นักเขียนโค้ด (Coders)
แม้ AI จะสามารถสร้างโค้ดได้ แต่มนุษย์ยังคงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับกระบวนการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน การดีบัก (หาและแก้ไขข้อผิดพลาด) และการคิดเชิงตรรกะในระดับสูง
2. นักชีววิทยา (Biologists)
AI สามารถช่วยเหลือในการวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลได้ แต่ยังขาดความสามารถในการตั้งสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ หรือการคิดค้นแนวคิดที่เป็นต้นฉบับ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงานชีววิทยา
3. ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน (Energy Professionals)
AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ แต่ความเชี่ยวชาญของมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการภาวะวิกฤต การวางแผนกลยุทธ์ระยะยาว และการตัดสินใจที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมพลังงาน
ทำลายล้าง หรือ เพิ่มประสิทธิภาพ?
คำทำนายของเกตส์สอดคล้องกับความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่อตลาดแรงงาน ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มเชื่อว่า AI จะช่วยเพิ่มผลิตภาพ ทำให้มนุษย์สามารถหันไปให้ความสำคัญกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรืองานที่ซับซ้อนมากขึ้น ในขณะที่บางกลุ่มเตือนถึงการสูญเสียงานจำนวนมหาศาลในหลากหลายอุตสาหกรรม
มุสตาฟา สุไลมาน (Mustafa Suleyman) ซีอีโอของ Microsoft AI ได้แสดงทรรศนะในหนังสือของเขา “The Coming Wave” ว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ แต่โดยพื้นฐานแล้วคือเทคโนโลยีที่ “เข้ามาแทนที่แรงงาน” (labor replacing) และจะส่งผลกระทบแทบทุกสาขาวิชาชีพ
ความหวังและคำแนะนำ โอกาสในยุค AI
แม้จะแสดงความกังวล แต่โดยรวมแล้ว บิล เกตส์ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพของ AI เขาเชื่อมั่นว่า AI จะนำมาซึ่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านการแพทย์ (เช่น การรักษาอัลไซเมอร์หรือโปลิโอ) การแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ และการปฏิวัติการศึกษา
เขายอมรับถึงข้อบกพร่องของ AI เช่น ปัญหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรืออคติที่อาจแฝงอยู่ แต่ยังคงมองว่า AI เป็นเครื่องมือสำหรับนวัตกรรมมากกว่าการทำลายล้าง
เกตส์สนับสนุนให้ผู้ประกอบการและคนรุ่นใหม่เปิดรับ AI แทนที่จะหวาดกลัว “ทุกวันนี้ ใครบางคนสามารถระดมทุนหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับบริษัท AI ใหม่ ๆ ได้ด้วยแนวคิดเพียงไม่กี่อย่าง” เขากล่าว พร้อมกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มอง AI ว่าเป็นพรมแดนแห่งนวัตกรรมมากกว่าภัยคุกคามต่อการจ้างงาน
โดยสรุป แม้คำทำนายของ บิล เกตส์ จะชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และความท้าทายในตลาดแรงงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI แต่เขาก็ยังคงมองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่และกระตุ้นให้เกิดการปรับตัวเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ในการสร้างอนาคตที่ดีขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
