เทคโนโลยี

รู้จัก Manus AI เอเจนต์ น้องใหม่จากจีน เขย่าบัลลังก์ DeepSeek

คลื่นลูกใหม่ AI จีน Manus AI เอเจนต์อัจฉริยะ ที่ถูกยกให้เทียบชั้น DeepSeek บทความนี้สรุปทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ พร้อมวิเคราะห์ว่าจะเป็นแค่ Hype หรือ ปรากฏการณ์จริง

ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) ที่ถาโถมเข้าใส่ทุกอุตสาหกรรม ชื่อของ แมนัส เอไอ (Manus AI) หรือ แมนัส เอไอ เอเจน Manus Ai Agent ก็ปรากฏขึ้นราวดาวฤกษ์ดวงใหม่บนฟากฟ้าเทคโนโลยีโลก สตาร์ทอัพจากแดนมังกรแห่งนี้ จุดประกายความฮือฮาด้วยการเปิดตัวระบบเอเจนต์ AI เอนกประสงค์ ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นคลื่นลูกใหม่แห่งวงการ และบางเสียงถึงกับยกย่องให้เทียบชั้นกับปรากฏการณ์ ดีพซีค (DeepSeek) ที่เคยสร้างความสั่นสะเทือนมาแล้วก่อนหน้า

Manus AI Agent คืออะไร คลื่นลูกใหม่แห่งวงการเทคโนโลยี?

หาก DeepSeek-R1 คือโมเดล AI ทรงพลังที่ท้าทายขีดจำกัดด้านการคิดวิเคราะห์ Manus AI ก็เหมือนเป็นวิวัฒนาการอีกขั้น เมื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของแชทบอททั่วไป สู่การเป็น “ผู้ช่วยดิจิทัล” ที่พร้อม “ลงมือทำ” งานจริงแทนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นงานวิเคราะห์ข้อมูล สร้างรายงาน หรือแม้แต่บริหารจัดการโลกโซเชียลมีเดียที่ซับซ้อน

Manus AI จึงไม่ใช่แค่โปรแกรมตอบคำถาม หากแต่เป็นระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ที่ผนวกรวมโมเดล AI หลากหลาย เพื่อทำงานร่วมกันอย่างสอดประสาน เปรียบดังทีมงานเบื้องหลัง ที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของผู้บริหารระดับสูง นักพัฒนา หรือแม้แต่นักการตลาด ให้สามารถจัดการภาระงานอันหนักอึ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือใคร

แต่ท่ามกลางกระแสชื่นชมที่ถาโถม คำถามสำคัญก็ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของผู้คนในแวดวงเทคโนโลยี: Manus AI เป็นของจริง หรือเป็นเพียงภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นจากแรงขับเคลื่อนของกระแสไฮป์? ศักยภาพที่แท้จริงของมันจะเทียบชั้นกับคู่แข่งจากฝั่งอเมริกาได้จริงหรือ? และอนาคตของสตาร์ทอัพน้องใหม่รายนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?

ประโยชน์ของ Manus ai

เบื้องหลังความสำเร็จ จากสตาร์ทอัพโนเนม สู่ดาวเด่นแห่งวงการ AI จีน

เรื่องราวของ Manus AI เริ่มต้นจากบริษัท Butterfly Effect สตาร์ทอัพเล็ก ๆ ในประเทศจีน ที่มีพนักงานเพียงไม่กี่สิบชีวิต แต่กลับสร้างปรากฏการณ์เขย่าวงการ AI ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือทีมผู้ก่อตั้งที่นำโดย Xiao Hong ผู้ประกอบการวัย 33 ปี ผู้คร่ำหวอดในวงการเทคโนโลยี และเคยสร้างผลงานโดดเด่นมาแล้วจากการพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม WeChat และผู้ช่วย AI อย่าง Monica.ai

Manus AI เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนมีนาคม พร้อมนิยามตัวเองว่าเป็น “เอเจนต์ AI ทั่วไปตัวแรก” ที่สามารถปฏิบัติงานที่ซับซ้อนได้แบบอัตโนมัติ โดยชื่อ “Manus” นั้นได้แรงบันดาลใจจากคำละตินที่แปลว่า “มือ” สื่อถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็น “มือขวา” ดิจิทัล ที่พร้อมช่วยเหลือผู้ใช้งานในทุกภารกิจ

ความสามารถหลักของ Manus AI ทำอะไรได้บ้าง

หัวใจสำคัญที่ทำให้ Manus AI แตกต่าง คือการออกแบบในรูปแบบระบบ Multi-Agent ซึ่งหมายถึงการผสานพลังของโมเดล AI หลากหลายตัว ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ แทนที่จะพึ่งพาโมเดล AI เพียงตัวเดียว ระบบนี้ช่วยให้ Manus AI สามารถจัดการงานที่หลากหลายและซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหนือกว่าแชทบอท AI ทั่วไป ที่มักเน้นการตอบคำถามและให้ข้อมูล

จี อี้เฉา (Ji Yichao) ผู้ร่วมก่อตั้งและ Chief Scientist ของ Manus AI เปิดเผยว่า ระบบของพวกเขาขับเคลื่อนด้วย Claude 3.5 Sonnet โมเดล AI จาก Anthropic และโมเดล Qwen ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษของ Alibaba และในอนาคตอันใกล้ พวกเขากำลังทดสอบการอัปเกรดไปใช้ Claude 3.7 ซึ่งเป็นโมเดลล่าสุดและทรงพลังที่สุดของ Anthropic เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บด้านการคิดวิเคราะห์และการปฏิบัติงานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

รูปแบบการทำงานของ Manus AI เป็นแบบ Asynchronous ผู้ใช้งานเพียงแค่ป้อนคำสั่งมอบหมายงาน จากนั้นก็สามารถปล่อยให้ระบบจัดการทุกอย่างได้เองโดยอัตโนมัติ ปัจจุบัน Manus AI ยังอยู่ในช่วง Private Beta และจำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้ที่ได้รับ Invite Code เท่านั้น โดยความสามารถของ แมนัส เอไอ ในช่วงเริ่มต้นสามารถรับคำสั่งได้ ดังนี้

1. ระบบเอเจนต์ AI อัตโนมัติ (Autonomous AI Agent

  • Manus AI ไม่ใช่แค่แชทบอททั่วไป แต่เป็นระบบที่สามารถทำงานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยที่คุณแค่สั่งงานและปล่อยให้ระบบจัดการให้เสร็จสรรพ เปรียบเหมือนมีผู้ช่วยดิจิทัลส่วนตัวที่ทำงานแทนคุณได้

2. ระบบ Multi-Agent อัจฉริยะ

  • Manus AI ทำงานโดยการรวมพลังของโมเดล AI หลายตัว ทำให้สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนและหลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ค้นคว้า วิจัย และวิเคราะห์ข้อมูล

  • Manus AI สามารถค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก และสรุปผลออกมาเป็นรายงานได้

4. สร้างรายงานและเอกสารต่างๆ

  • ไม่ว่าจะเป็นรายงานวิเคราะห์ ข้อมูลสรุป หรือแม้แต่เอกสารทางวิชาการ Manus AI ก็สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาเหล่านี้ให้คุณได้

5. ทำ Automation Workflow

  • ระบบสามารถทำงานซ้ำ ๆ หรือเป็นขั้นตอนอัตโนมัติได้ ช่วยลดภาระงานประจำและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

6. เขียนและ Deploy โค้ด

  • Manus AI มีความสามารถในการเขียนโค้ดและนำไปใช้งานได้จริง ซึ่งเป็นความสามารถที่ก้าวล้ำไปกว่า AI ทั่วไป

Manus ai ทำอะไรได้บ้าง

7. จัดการบัญชีโซเชียลมีเดียแบบอัตโนมัติ

  • Manus AI สามารถดูแลจัดการบัญชีโซเชียลมีเดียได้หลายบัญชีพร้อมกันในเวลาจริง (Realtime) มีรายงานว่าสามารถจัดการได้ถึง 50 บัญชี และยังสร้าง Engagement เพื่อเพิ่มการมองเห็นได้อีกด้วย

8. สร้างเว็บไซต์

  • มีการทดสอบแล้วว่า Manus AI สามารถสร้างและเผยแพร่เว็บไซต์ชีวประวัติได้แบบอัตโนมัติ โดยดึงข้อมูลแบบ Real-time มาใส่ในเว็บได้ด้วย

9. วิเคราะห์และแนะนำสถานที่

  • ระบบสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เช่น อัตราอาชญากรรม ความหนาแน่นของธุรกิจ AI เพื่อแนะนำสถานที่ที่เหมาะสมได้ เช่น แนะนำทำเลที่ตั้งอพาร์ทเมนต์

10. พัฒนาคอร์สเรียน

  • Manus AI สามารถสร้างคอร์สเรียนออนไลน์ได้แบบครบวงจร ตั้งแต่เนื้อหา บทเรียน เครื่องมือ ตัวอย่างการใช้งาน ไปจนถึงคำแนะนำต่าง ๆ

11. พัฒนาแอปพลิเคชันวิดีโอ

  • ระบบสามารถสร้างแอปพลิเคชันวิดีโอที่ใส่ลูกเล่นต่าง ๆ ได้ เช่น เอฟเฟกต์ ASCII art หรือฟิลเตอร์แบบ Real-time

12. ดึงข้อมูลเชิงลึกจากวงการต่างๆ

  • Manus AI สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งออนไลน์ เช่น Reddit, Twitter และสรุปออกมาเป็นรายงานเชิงลึกได้

สรุปง่าย ๆ คือ Manus AI เหมือนผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำงานได้หลากหลายมากๆ ตั้งแต่ งานวิเคราะห์ข้อมูล งานสร้างสรรค์คอนเทนต์ ไปจนถึงงานด้านเทคนิคอย่างการเขียนโค้ด และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ ได้มากมายครับ

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับ Manus AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังต้องมีการพิสูจน์ศักยภาพในระยะยาวต่อไป แต่จากข้อมูลที่มีในขณะนี้ Manus AI ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองและอาจจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเราในอนาคตได้ครับ

ตัวอย่างการใช้ Manus ai สร้าง resume

Manus AI ปะทะคู่แข่งจากอเมริกา

สิ่งที่ทำให้ Manus AI กลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ คือ ผลการทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark) ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Manus AI สามารถเอาชนะ Deep Research Agent ของ OpenAI และโมเดล State-of-the-Art ตัวอื่น ๆ ได้อย่างน่าประทับใจ

ผลลัพธ์นี้เองที่จุดประกายความเชื่อมั่นให้กับเหล่ากูรูและผู้ใช้งาน AI ในยุคแรก จนหลายคนยกให้ Manus AI เป็น Autonomous AI Agent ที่ทรงพลังที่สุดในตลาด

นอกจากผล Benchmark ที่น่าทึ่ง Manus AI ยังได้พิสูจน์ศักยภาพในการทำงานจริง ผ่านแพลตฟอร์ม Freelance ชื่อดังอย่าง Upwork และ Fiverr รวมถึงการเข้าร่วมแข่งขันใน Kaggle Machine Learning Challenges ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการงานที่ซับซ้อนในโลกแห่งความเป็นจริง

เสียงตอบรับจากเหล่า Influencer

กระแสความนิยมของ Manus AI เริ่มต้นจากการบอกเล่าปากต่อปากในหมู่ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม X เมื่อมีผู้ใช้งานบางรายทดลองใช้ Manus AI ในการจัดการบัญชีโซเชียลมีเดียหลายสิบบัญชีพร้อมกันแบบ Realtime และพบว่าระบบสามารถสร้าง Engagement ได้อย่างมหาศาล จนเกิดเป็นกระแสไวรัลในวงการ AI อย่างรวดเร็ว

โรวัน เชิง (Rowan Cheung) ผู้ก่อตั้ง The Rundown AI Newsletter ถึงกับยกให้การปรากฏตัวของ Manus AI เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการ และเปรียบเปรยว่า “นี่คือปรากฏการณ์ DeepSeek ครั้งที่สองของจีน”

หลังจากที่เขาได้ทดลองใช้งานจริง และพบว่า Manus AI สามารถสร้างเว็บไซต์ชีวประวัติส่วนตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ค้นหาทำเลที่ตั้งอพาร์ทเมนต์ให้เช่าใน San Francisco ได้อย่างชาญฉลาด และแม้แต่พัฒนาคอร์สเรียน AI แบบเต็มรูปแบบได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

บิลาวัล ซิธู (Bilawal Sidhu) อดีต Googler และ YouTuber สาย AI ก็ออกมาแสดงความเห็นในเชิงบวก โดยยกย่อง Manus AI ว่าเป็น “สิ่งที่ใกล้เคียงกับ Autonomous AI Agent มากที่สุด” และชื่นชมความสามารถในการแบ่งงานที่ซับซ้อนออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ และดำเนินงานตามขั้นตอนเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ

ชับบี (Chubby) อินฟลูเอนเซอร์สาย AI อีกราย ถึงกับเคลมว่า Manus AI มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Deep Research ของ OpenAI อย่างชัดเจน ขณะที่ Andrew Wilkinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Tiny บริษัท Startup Exit Provider และ Acquirer ก็ทวีตข้อความด้วยความตื่นเต้นว่า “มันบ้าไปแล้ว! ผมรู้สึกเหมือนข้ามเวลาไปอนาคต 6 เดือนข้างหน้า”

manus ai ช่วยค้นหาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์

ความท้าทายและข้อกังขาที่ต้องพิสูจน์

แม้กระแสตอบรับส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางบวก แต่ก็ยังมีคำถามและข้อกังขาเกี่ยวกับศักยภาพที่แท้จริงของ Manus AI ประเด็นสำคัญประการหนึ่งคือ ข้อจำกัดในการเข้าถึงระบบ เนื่องจาก Manus AI ยังอยู่ในช่วง Private Beta และมีจำนวน Invite Code ที่จำกัด จนเกิดเป็นข้อสงสัยว่า นี่อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างกระแสหรือไม่?

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานบางส่วนยังตั้งข้อสังเกตว่า Manus AI อาจจะยังไม่โดดเด่นในการทำงานที่ซับซ้อน หรือต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น งานสาย STEM หรือการเขียนโค้ด และอาจจะถูก Optimize มาเพื่อเอาใจ Influencer และ Content Creator ที่เน้นการสร้าง Content ทั่วไป มากกว่าการเป็นเครื่องมือสำหรับงานระดับมืออาชีพ

อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ Manus AI เลือกใช้ Large Language Model (LLM) ที่มีอยู่แล้ว อย่าง Claude และ Qwen แทนที่จะพัฒนา Foundation Model ของตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า เทคโนโลยีของ Manus AI มีความเป็นนวัตกรรมที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด?

อย่างไรก็ตาม ทีมผู้พัฒนา Manus AI ยืนยันว่า พวกเขามุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีแบบ Open-Source และมีแผนที่จะเปิดเผยโมเดลบางส่วนให้สาธารณชนได้ใช้งานภายในปีนี้ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพิสูจน์ศักยภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับ Manus AI ในระยะยาว

คะแนนจาก benchmark

ปรากฏการณ์ DeepSeek ซ้ำรอย หรือแค่คลื่นกระทบฝั่ง?

Manus AI กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ ในการเปลี่ยนจากกระแส Hype ให้กลายเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืน ท่ามกลางความคาดหวังและความกังขาที่ถาโถมเข้ามา มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Manus AI จะสามารถสร้างปรากฏการณ์ DeepSeek ครั้งที่สองได้จริง หรือจะเป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ AI ที่มาไวไปไว ตามวัฏจักรแห่งเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : Venturebeat

Thaiger deals

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button