ปู มัณฑนา สู้ยิบตา กางหลักฐานแชต ‘ทนายแก้ว’ อ้างว่าความแค่ 1 คดี แจงสาเหตุบอกเลิกสัญญา ว่าจ้างเพราะอยากได้คนปกป้อง ปล่อยคลิปสัมภาษณ์ล่าสุด เอะใจกลุ่มทนาย Avengers
ปู มัณฑนา หิมะทองคำ สู้ไม่ถอย จากกรณีที่เธอได้ออกมาโพสต์ข้อความเล่าเรื่องราวว่าจ้าง ‘ทนาย Avengers’ ที่ชอบไปออกรายการโหนกระแสให้ว่าความ แต่ถูกเรียกค่าทำคดีถึง 150,000 บาท ทว่าไม่ยอมลงนามในหนังสือเลื่อนนัดเจ้าหน้าที่ให้ จึงบอกเลิกสัญญา แต่โดนหักค่าวิชาชีพ 50,000 ซึ่งนักแสดงสาวมองว่าแพงเกินไป
ต่อมาคู่กรณีอย่าง “ทนายแก้ว” หรือ ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ได้ชี้แจงสั้น ๆ ผ่านรายการโหนกระแสโดยมีหนุ่ม กรรชัยร่วมโต๊ะสนทนาด้วย โดยระบุว่าค่าทนายความแสนห้าที่ถูกกล่าวถึง มาจากการว่าความใน 2 คดี แบ่งเป็นคดีละ 75,000 บาท ซึ่งหนังสือขอเลื่อนนัดที่ปู มัณฑนากล่าวถึงเจ้าตัวควรลงนามด้วยตนเอง ทนายแก้วจึงมองว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ฝั่งลูกความเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญา และให้คนกลางติดต่อมาขอคืนเงิน ตนจึงคืนในส่วนที่เหลือ และหักค่าใช้จ่ายในส่วนของงานที่ดำเนินการไปแล้ว เป็นมูลค่า 5 หมื่นบาท
ล่าสุดวันที่ 30 มกราคม 2568 ปู มัณฑนา ได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pou Mantana โดยนำแชตข้อความในไลน์ที่สนทนากับทนายแก้ว พร้อมหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการว่าจ้าง และขอให้ร่างหนังสือเลื่อนนัดพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน. ทองหล่อ เพราะมีเหตุอันจำเป็น แต่ทนายไม่เซ็นชื่อให้ จึงรู้สึกไม่เป็นธรรมและขอยกเลิกการจ้างในที่สุด
“ปู ว่าจ้างทนายความทำคดีเพียงแค่คดีเดียวคือคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ที่ลูกหมีแจ้งความร้องทุกข์เท่านั้น ไม่ใช่ 2 คดี บริษัทผู้ติดต่อสามารถเป็นพยานได้ ทนายผิดอะไรนั่นหรือ ประเด็นแรกคือ ปูว่าจ้างทนายความ ปูก็ต้องการให้ทนายความปกป้องปู”
“เมื่อปูมีเหตุจำเป็นปูต้องการขอเลื่อนนัดต่อพนักงานสอบสวน ปูต้องการเพียงแค่ ขอให้ทนายความทำหนังสือขอเลื่อนนัดต่อพนักงานสอบสวนในฐานะเป็นผู้รับมอบอำนาจเพียงเท่านี้แต่ทนายความท่านนี้ ไม่ยินยอม ทั้งที่พนักงานสอบสวนก็ได้บอกแล้วว่าถ้าหากมีเหตุจำเป็นหรือมีเหตุอันสมควรก็ให้ทนายความทำหนังสือเป็นผู้รับมอบอำนาจมาขอเลื่อนคดีแทนก็ได้ในเรื่องนี้ลองโทรสอบถามพนักงานสอบสวนโดยตรงเลยก็ได้ค่ะ เบอร์โทรศัพท์ 080 704-8268”
“ปูต้องการให้ทนายความปกป้องปู หากเพียงแค่ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจขอเลื่อนคดีต่อพนักงานสอบสวนแทนปูเพียงเท่านี้ยังทำให้ปูไม่ได้ แล้วจะปกป้องปู ในวันที่ปูต้องถูกสอบสวน จะปกป้องปูและต่อสู้คดีให้กับปูบนชั้นศาลได้อย่างไร ทนายความต้องเห็นใจผู้ว่าจ้างด้วย ฝ่ายบริษัท ฯ ก็เลยไปขอเงินคืนก็ได้คืนมารวมแล้ว 100,000 บาท”
“แต่ประเด็นที่ปูเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็คือเมื่อเลิกสัญญาต่อกันแล้วคู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมคือต้องคืนเงินให้แก่กัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งพาณิชย์มาตรา 391 ส่วนการงานที่ได้ทำให้แก่กันก็ให้คิดกันไปตามส่วน แต่ในเรื่องของการทำหนังสือนี้ทางทนายความที่มีชื่อเสียงคนนี้ ไม่ได้นำ หรือมอบหมายให้ผู้ใดนำหนังสือขอเลื่อนคดีไปให้พนักงานสอบสวนเลย แต่อย่างใดเลย คนที่ทำหนังสือขอเลื่อนคดีและนำไปให้พนักงานสอบสวนคือทนายของบริษัทน้องที่ติดต่อให้รู้จักทนายคนนี้ ซึ่งต้องแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนไปก่อน”
“หนังสือของทนายที่มีชื่อเสียงไม่ถึงมือพนักงานสอบสวน และก็ไม่เคยส่งทางทีมงานไปพบพนักงานสอบสวนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในเรื่องนี้สามารถโทรสอบถามพนักงานสอบสวนได้โดยตรงค่ะ แล้วอีกเรื่องหนึ่งคือ ทางฝ่ายกฎหมายของปูและผู้รู้ทางด้านกฎหมายเขาแจ้งว่า หากเรื่องนี้ ถ้าหากทางทนายความที่มีชื่อเสียงหักเงินปู โดยคิดค่าทำหนังสือขอเลื่อนคดีที่ไม่ได้ยื่นกับพนักงานสอบสวนนั้น หากหักค่าทำเอกสารกันไปในราคา 5,000 บาท หรือ ราคา 10,000 บาท ถือว่าสมเหตุสมผล แต่นี่หักเงินสูงถึงจำนวน 50,000 บาท ทั้งที่หนังสือก็ไม่เคยได้ไปยื่นต่อพนักงานสอบสวน และไม่เคยได้ส่งลูกน้องไปพบพนักงานสอบสวนเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“ในเรื่องดังกล่าวนี้สามารถโทรสอบถามพนักงานสอบสวนได้เลยค่ะ ตรงนี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้เลิกสัญญาว่าจ้างต่อกัน และอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือปูต้องการว่าจ้างทนายความให้เข้ามาต่อสู้คดี เพราะเรื่องคดีของปูมีแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาที่วินิจฉัยแล้วว่าปูไม่มีความผิด ลูกหมีไม่มีสิทธิ์แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพราะไม่ใช่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย การแจ้งความร้องทุกข์ผู้อื่นเป็นคดีอาญาเป็นการใช้สิทธิ์ผิดวิธี”
“ในทางที่ถูกต้อง ลูกหมีต้องไปฟ้องร้องเป็นคดีแพ่ง และต้องไม่มีการประจานเรื่องการเป็นหนี้ออกสื่อ สิ่งที่ปูเรียกร้องขอความเป็นธรรมนั้นไม่ได้ย้อนแย้งกับการสมัครใจเลิกสัญญาต่อกัน แต่สิ่งที่ปูขอความเป็นธรรมและต้องการเตือนสังคมก็คือการหักเงินค่าใช้จ่ายที่เยอะเกินสมควร เพราะความจริงควรจะหักแค่ 5,000 บาทหรือ 10,000 บาท แต่นี่หัก 50,000 บาท ทั้งที่ยังไม่ได้ไปยื่นเอกสารใดๆต่อพนักงานสอบสวน และยังไม่ได้ส่งลูกน้องไปพบพนักงานสอบสวนเลย ปูจึงมองว่าเกินสมควรไปนะคะ”
นอกจากหลักฐานข้อความต่าง ๆ แล้ว ล่าสุด ปู มัณฑนายังได้โพสต์คลิปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีจ้างทนายแก้วว่าความ โดยยืนยันว่าที่ทนายคนดังกล่าวในรายการโหนกระแสว่ารับทำ 2 คดีนั้นไม่เป็นความจริง
พร้อมระบุว่าตนเองอยากใช้ข้อกฎหมายต่อสู้คดี แต่ทนายความกลับให้วางเงินเพื่อไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี ซึ่งปูได้มารู้ทีหลังว่าทนายแก้วและทนายเดชา ซึ่งทำคดีให้ฝั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จึงเริ่มตั้งคำถามว่าเพราะสาเหตุนี้หรือไม่ อดีตทนายของตนเองจึงหาทางประนีประนอมให้ได้ แม้ว่าจะขัดกับซึ่งที่ลูกความต้องการก็ตาม
“เราจ้างเขาเพื่อให้ต่อสู้คดีให้เราใช่ไหมคะ แต่เขาไม่ได้ต่อสู้เลย บอกว่าให้นำเงินมา 2 ล้านบาท แล้วเขาจะนำไปไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี แล้วก็ทนายกุ้ง ทนายเดชาให้ ซึ่งข้อเสนอของเขาไม่ได้ตรงกับความต้องการของพี่ปูเลยค่ะ”
“เขารับเงินไปค่อนข้างสูง แต่เขาก็ไม่ทำงาน ความเห็นก็ไม่ตรงกัน แล้วก็เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าทนาย Avengers…ทนายเดชาก็อยู่กลุ่มเดียวกับเขา เราก็ เอ้า! ที่เขาไม่ต่อสู้คดีให้เราเพราะเขาเป็นพวกเดียวกันหรอ?”
ภาพจาก : Facebook Pou Mantana
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทนายแก้ว แจงปม ดาราสาว ร้องค่าทำคดีแสนห้า พี่หนุ่มถามชัด คืนเงินเขารึยัง?
- ปู มัณฑนา โพสต์รูปคู่ ทนายธรรมราช ซุ่มปรึกษาคดีเงินกู้ ชาวเน็ตแซวเหมาะสมกัน
- ธรรมราช ซัด ทนายดังโหนกระแส ผิดสัญญา ควรคืนเงินทั้งหมด ปู มัณฑนา โผล่ชื่นชม