เพจดัง ย้อนคลิป ทนายวัฒนา ให้ความรู้ คดีฟ้องปรปักษ์ทำได้ ไม่จำเป็นต้องมีเจตนาสุจริต
ย้อนเปิดคลิป ทนายวัฒนา เรืองแก้ว ทนายฟ้องครอบครองปรปักษ์ที่เป็นข่าว ลูกความเครียดจนจยชีวิตตัวเอง ยกข้อกฎหมายอ้างทำได้ตามสิทธิ ไม่จำเป็นต้องสุจริต ถ้ากฎหมายไม่ดีไปบอกสส. แก้หรือยกเลิกทิ้งซะ
จากกรณีกระแสข่าวของนายวัฒนา เรือแก้ว ทนายฟ้องครอบครองปรปักษ์ ที่ถูกงัดคลิปเสียงออกมาเปิดเผยว่า มีส่วนอยู่เบื้องหลังในการแนะนำให้ ภาณุมาศ สามัคคี ลูกความหญิงวัย 51 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหา ที่มีคดีความฟ้องร้อง ข้อหาบุกรุก ทั้ง ๆ ที่เจตนาของลูกความ ต้องการขอให้ถอนฟ้องในคดีครอบครองปรปักษ์ที่เป็นปัญหา แต่กลับถูกปฏิเสธ ก่อนจะเครียดจนตัดสินใจผูกคอลาโลกนั้น
เรื่องนี้ ทนายวัฒนาที่รับผิดชอบคดีให้กับฝั่งของผู้ตาย ยืนกรานไม่ได้มีสวนไปบังคับ แต่บอกเพียงให้รอเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามสุดท้ายด้วยความที่ผู้ตายจิตตก ประกอบกับเจอสื่อเสนอข่าวกดดันจึงให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ล่าสุด บัญชีเอ็กซ์ (X.) @RedSkullxxx ได้มีการเผยแพร่คลิปของ ดร.วัฒนา เรืองแก้ว ที่ปรึกษาสหกรณ์ออมทรัพย์ทนายความแห่งประเทศไทย ซึ่งได้เคยไปให้สัมภาษณ์กับรายการ คลายทุกข์ประชาชน ของสถานี MVTV Thailand เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 โดยเป็นการอธิบายถึงเนื้อหารายละเอียดต่าง ๆ ของข้อกฏหมายดังกล่าว ว่าคืออะไร และมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง ตลอดจนตอบข้อสงสัยทางกฎหมายอื่น ๆ ให้กับชาวบ้าน
ในโพสต์ดังกล่าวยังเปิดเผยข้อมูลด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ทนายวัฒนาเคยมีคดีฟ้องปรปักษ์ทำนองนี้มาแล้ว และเป็นฝ่ายทำคดีจนได้รับชัยชนะ ก่อนจะมาตกปากรับคำดูแลคดีที่เกิดขึ้นกับฝั่ง น.ส.ศรีพรรณ สามัคคี ซึ่งเป็นพี่สาวของภานุมาศที่เสียชีวิต
จากนั้นมีการเผยแพร่ข้อความ น.ส.ภานุมาศ ที่กล่าวว่า “เราจะถอนปรปักษ์แล้วค่ะ ทุกคนจะมาแนะนำเราว่า ทำแบบนี้สิ โดนคดีความไปแล้วเกิน 13 ปีแล้ว ต้องทำแบบนี้ถึงจะชนะ ยอมรับเลยว่าทุกอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แล้วหนูก็กราบเท้าเขาเลย ว่าหนูไม่อยากทำแล้ว ไม่ใช่เจตนาของหนูตั้งแต่แรก พี่สาวเข้าไปดูแลบ้านจริง ๆ”
ซึ่งต่อมามีการชี้แจงออกมาแล้วว่าข่าวที่บอกว่าคุณนุถึงขั้นกราบเท้าขอให้ถอนฟ้องไม่เป็นความจริง
ทนายวัฒนา โชว์ภูมิความรู้ กางข้อกฎหมายละเอียดยิบ สุจริต-ไม่สุจริต เป็นแบบไหน
ประเด็นคลิปของทนายวัฒนา เรืองแก้ว ที่เคยไปให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าวทีวีดาวเทียม เนื้อหาบางช่วงบางตอนได้ชี้แจงถึงข้อเจตนาของผู้ฟ้องว่าสามารถเกิดได้ 2 แบบ การฟ้องร้องข้อกฎหมายนี้สามารถทำได้ แม้เจตนาของผู้ฟ้องจะไม่สุจริตก็ตาม
นายวัฒนา ชี้ว่าที่ดินมีราคาสูง ภาษีก็จะสูง และหากทิ้งร้างที่ดินไว้เกิน 10 ปี และมีคนมาอยู่และเจตนาครอบครองเอาเป็นของตัวเอง ก็ให้คนนั้นยื่นครอบครองปรปักษ์ได้ และการครอบครองปรปักษ์ ไม่จำเป็นต้องยื่นครอบครองอย่างสุจริต
ขณะเดียวกันยังกล่าวให้ความรู้ด้วยว่า คำว่า “ปรปักษ์” คือ ปรปักษ์ต่อความเป็นเจ้าของของผู้อื่น ซึ่งการครอบครองปรปักษ์อย่างสุจริตนั้น คือเคสเช่น ซื้อที่ดิน จ่ายเงินให้เจ้าของที่ดินแล้ว แต่เจ้าของที่ดินไม่ยอมโอนที่ดินให้ และปล่อยให้อยู่บนที่ดินนั้นจนครบ 10 ปี และหากเจ้าของที่มีชื่อหลังโฉนดที่ดินจะมาขับไล่เมื่อไร ก็ให้คนที่อยู่ที่ดินตรงนั้น ยกข้ออ้างเรื่องการครอบครองปรปักษ์ขึ้นอ้าง ไปร้องขอต่อศาลได้
นอกจากนี้ มือกฏหมายซึ่งเคยมีชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีครอบครองอย่างไม่สุจริตด้วยว่า คือ การที่เจ้าของที่ดินปล่อยที่ดินทิ้งร้าง ไม่มาดูแล เมื่อครบ 10 ปี คนที่อยู่บนที่ดินสามารถร้องขอครอบครองปรปักษ์ ก็ได้ทันทีโดยผลของกฎหมาย การไปร้องต่อศาลก็เพื่อศาลมีคำสั่งยืนยันกรรมสิทธิ์ และจากนั้นก็นำคำสั่งศาลไปสำนักงานที่ดิน เพื่อให้เปลี่ยนแปลงชื่อหลังโฉนด และสมบูรณ์แบบตามกฎหมาย แต่หากอยู่ไม่ครบ 10 ปี ก็สามารถต่อสู้ในชั้นศาลได้
ช่วงท้ายเกี่ยวกับข้อกฏหมายนี้ วัฒนา ยังระบุ มุมมองคนนอกอาจจะคิดว่า คนที่มายึดที่คนอื่นไม่มีคุณธรรม ไม่ศีลธรรม แต่กฎหมายมันมีอยู่ ตนพูดหลายครั้ง ถ้ากฎหมายนี้ไม่ดีก็ไปรวมตัวกันยื่นต่อ สส. เพื่อคัดค้านกฎหมายนี้.
ขอบคุณคลิป : รายการคลายทุกข์ประชาชน | 21.02.67 | MVTV Thailand @mvtvth.online
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- สรุป ทนายคู่กรณี บ้านอากู๋ แนะฟ้องปรปักษ์มีความผิดไหม
- จุกอก สามีคนตาย คดีฟ้องปรปักษ์ ขอหลานอากู๋ อโหสิ
- แฉ คนตายโทรคุยอากู๋ กราบเท้าทนายขอถอนฟ้องปรปักษ์
- ทนายแจงปมคนตายกราบเท้า อึ้ง บอกลูกอากู๋ โชคดีเจอฟ้อง