ล่าตัว ‘หนุ่มเมียนมา’ ฆ่าอดีตเอกอัครราชทูต หนีออกนอกประเทศไปแล้ว
ตำรวจเร่งล่าตัว หนุ่มเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ฆ่าอดีตเอกอัครราชทูต จากการตรวจสอบพบว่าหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
จากกรณีที่ สน.สุทธิสาร ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายไซเมียต โม (sai myat moe) หนุ่มชาวเมียนมาวัย 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังก่อเหตุฆ่านายวิชิต ชิตวิมาน อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในบ้านพักภายในซอยวิภาวดี 20 โดยผู้ก่อเหตุใช้กล่องลังกระดาษอำพรางศพนั้น
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ได้ให้สัมภาษณ์หลังประชุมติดตามคดีว่า ขณะนี้ทางชุดสืบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวเมียนมาตั้งแต่คืนวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา
จากการติดตามผู้ก่อเหตุพบว่า หลังจากก่อเหตุในวันที่ 28 ก.ย. ได้เรียกรถแท็กซี่ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม โดยใช้วิธีกดผ่าน iPad ของผู้เสียชีวิต ก่อนจะไปขึ้นรถโดยสารประจำทางมุ่งหน้าไป จ.เชียงราย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาชุดสืบสวนตรวจสอบที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงรายแล้ว พบว่าเดินทางออกนอกประเทศไป ช่วงเวลา 07.12 น.
สำหรับเส้นทางหลบหนีหลังก่อเหตุ ผู้ต้องหาเดินออกมาจากบ้าน ผ่านป้อมรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้าน แล้วเรียกรถแท็กซี่ ก่อนไปแวะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม โดยโอนเงินผ่าน iPad ของผู้เสียชีวิต โดยแวะกดเงิน 2 แห่ง ก่อนไปซื้อตั๋วรถโดยสารประจำทาง โดยการซื้อตั๋วรถโดยสารครั้งแรกปรากฏว่ารถคันที่จะโดยสารไปเกิดเสีย จึงต้องรอรถโดยสารคันใหม่ในช่วงเย็น ทำให้เดินทางไปถึงจังหวัดเชียงรายในช่วงเช้า
ขณะที่การตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของผู้เสียชีวิตทราบว่ามีการกดโอนเงินจำนวน 22,000 บาท และจากการเอามือถือไปสแกนกดเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มอีกจำนวน 34,200 บาท ซึ่งการประสานติดต่อกับทางการประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีนั้น ภายหลังได้รับข้อมูลและหลักฐานจากตรวจคนเข้าเมืองว่าผู้ต้องหาหลบหนีออกไป ก็จะส่งข้อมูลดังกล่าวรายงานต่อศาล เพื่อขอหมายแดงเพื่อประสานประเทศเพื่อนบ้านให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุต่อไป
ส่วนผู้ต้องหารู้จักกับผู้เสียชีวิตได้อย่างไรนั้น ตรวจสอบพบว่ามีการเข้า-ออกบ้านผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 วัน ก่อนก่อเหตุตั้งแต่วันที่ 25-27 ก.ย. ตามพยานหลักฐานที่ตรวจพบ และจากการตรวจสอบย้อนกลับไปในช่วงเวลาเวลาดังกล่าว ผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตจะออกจากบ้านไปช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. และกลับเข้ามาอีกครั้งในเวลา 19.00 น.
และในวันที่ 28 ก.ย.วันเกิดเหตุ กลับเข้ามาประมาณ 21.00 น. ก่อนจะทะเลาะกัน ซึ่งในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิตจะต้องมีการสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมอีกครั้ง เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่คนเดียว
เบื้องต้นจากการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตพบว่าผู้ต้องหานำโทรศัพท์ 1 เครื่อง และไอแพด 1 เครื่อง ของผู้เสียชีวิตไปด้วย ส่วนทรัพย์อื่นๆ ต้องรอตรวจสอบกับทางญาติเพื่อยืนยันอีกครั้ง โดยทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี โดยจะประสานกับทางการประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยเร่งติดตามอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้จากการตรวจสอบยืนยันว่าผู้ก่อเหตุนั้นมีเพียงแค่คนเดียว