ข่าวข่าวต่างประเทศ

แรงงานไทยเล่านาทีหนีตายในอิสราเอล เจอรัวยิง-เผาห้อง 13 ชีวิต หนีกระเจิง

หนุ่มบุรีรรัมย์ แรงงานไทยในอิสราเอลแอบในป่าพริกคนเดียว 10 ชั่วโมง วินาทีหนีตายสงครามกลางเมือง ถูกรัวยิง บุกเผาห้อง 13 ชีวิต วิ่งหนีกระเจิง คิดคงไม่รอดแล้วก่อนทหารมาช่วย ตอนนี้ไม่อยากได้อะไรขอแค่ได้กลับไทย

นายประมูล โคษาสด อายุ 37 ปี ชาวบุรีรัมย์แรงงานไทยซึ่งไปทำงานที่อิสราเอล ได้วิดีโอคอลจากที่เกิดเหตุมาหา น.ส.กิติยา ดาศรี อายุ 30 ปี ภรรยาที่บ้านเกิด เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์พร้อมกับยืนยันกับทางครอบครั่าตัวเองนั้นปลอดภัยแล้ว

นายประมูล เล่าว่าตัวเองนั้นต้องหลบซ่อนนานกว่า 10 ชั่วโมง เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าในเวลาของประเทศอิสราเอล ขณะ กำลังอยู่ในแคมป์คนงาน มีแรงงานไทยเป็นชายอยู่ด้วยกัน 13 คน ได้ยินเสียงเคาะประตูเสียงดังเหมือนจะพังเข้ามา แต่ไม่มีใครกล้าเปิดประตูให้เพราะเกรงจะได้รับอันตราย

ประมูล แรงงานไทยในอิสราเอล

จากนั้นเสียงปืนจึงดังขึ้น ทุกคนในแคมป์จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุจึงวิ่งหาที่ซ่อน ท่ามกลางเสียงปืนดังเป็นระยะ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้วางเพลิงแคมป์คนงานมีควันคละคลุ้ง แรงงานทุกคนจึงหาวิธีเอาตัวรอด อาศัยควันไฟที่สามารถพรางตัวได้ กระโดดออกหน้าต่างไปคนละทิศละทาง โดยนายประมูลระบุว่าตัวเองไปนอนหมอบในไร่พริกไม่ออกไปไหนตั้งแต่เวลา 07.00 น.จนถึงเวลา 17.00 น. กระทั่งได้เจอทหารอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือ ก่อนทหารจะพาไปที่ปลอดภัยพร้อมกับแรงงานที่อยู่ด้วยกันรวม 13 คน ตอนนี้ไม่อยากได้อะไรแล้ว อยากกลับเมืองไทยมากกว่า เพราะรู้สึกจะไม่ปลอดภัยแล้ว

แรงงานไทยในอิสราเอลล่าสุดตอนนี้ 2566

ขณะที่ นางกิติยา ภรรยาของานยประมูล กล่าวว่า สามีไปทำงานตั้งแต่เดือน ม.ค.64 ไปเป็นแรงงานแพ็คผัก หลังจากเกิดเหตุสามีโทรศัพท์มาเป็นระยะ ตอนนี้เป็นห่วงสามีมาก อยากให้กลับบ้านมาอยู่เมืองไทย เพราะตอนนี้ใช้หนี้หมดแล้ว ไม่หวังอะไรต่อแล้ว อยากให้มีชีวิตกลับมาแค่นั้นก็พอ จึงอยากจะให้รัฐบาลเร่งไปรับแรงงานไทยกลับบ้านโดยเร็ว เพราะแต่ละวินาทีของแรงงานไทยมีความหมาย.

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button