สุขภาพและการแพทย์

เคลียร์ชัด “ผู้ชายไม่ใส่กางเกงใน” เสี่ยงเป็นไส้เลื่อนจริงหรือ

หลักฐานทางการแพทย์ปัจจุบันยืนยัน ผู้ชายไม่ใส่กางเกงในไม่ได้ทำให้เป็นไส้เลื่อน สาเหตุของโรคไส้เลื่อนเกิดจากความผิดปกติของผนังช่องท้องที่อ่อนแรง ทำให้อวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ลำไส้ หรือ ไขมัน เลื่อนออกมาจากตำแหน่งปกติ ดังนั้นคุณผู้ชายจะใส่กางเกงในหรือบ็อกเซอร์ปล่อยโล่งโทงเทง ไม่มีปัญหา

ปัญหาใหญ่ที่หลายคนคิดไม่ตก จริงแท้แน่หรือที่ใคร ๆ ต่างก็บอก ต่างก็เตือนกันว่า “การไม่ใส่กางกางใน” เป็นการกระทำที่เสี่ยงให้เกิดโรคไส้เลื่อน สำหรับเหล่าคุณผู้ชายคำพูดเช่นนี้คงเคยได้ยินมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ไหนจะโรคไส้เสื่อนเกิดขึ้นได้เฉพาะในเพศชายเท่านั้น คำพูดต่าง ๆ เหล่านี้คงทำให้บรรดาคุณผู้ชายหวาดระแวงอยู่ไม่น้อย และเกิดความสงสัยว่าความจริงแล้วพฤติกรรมการไม่ใส่กางเกงในเป็นปัญหาหรือส่งผลอันตรายต่อร่างกายหรือไม่

Advertisements

วันนี้ The Thaiger จึงได้รวบรวมทุกคำตอบจากทุกข้อสงสัยมาให้คุณผู้ชายทั้งหลาย เพื่อช่วยคลายกังวลให้กับอีกหนึ่งปัญหาสำคัญของเพศชาย ไขข้อสงสัย "ผู้ชายไม่ใส่กางเกงในจะเป็นไรไหม" เสี่ยงเป็นไส้เลื่อนจริงหรือไม่ ข้อดีคืออะไร?

ผู้ชายไม่ใส่กางเกงในไม่ใช่เรื่องแปลก

รู้หรือไม่ “มีผู้ชายมากกว่า 25% มักจะเลือกไม่ใส่กางเกงในเป็นบางครั้ง” โดยผู้ชายจำนวน 13% จากจำนวน 25% ที่ชื่นชอบการไม่ใส่กางเกงในไดให้เหตุผลของการกระทำไว้ว่า พวกเขาเลือกที่จะไม่ใส่กางเกงในเป็นบางโอกาส ในขณะที่ 5% นั้น ระบุเพิ่มเติมว่า พวกเขาเลือกที่จะไม่ใส่กางเกงในอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และอีกจำนวน 7% ที่เหลือระบุว่า พวกเขาไม่ใส่กางเกงในตลอดเวลา จากผลสำรวจพบว่า มีบรรดาคุณผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่มีพฤติกรรมไม่ใส่กางเกงใน และเลือกที่จะไม่ใส่กางเกงในในบางโอกาส

หากการไม่ใส่กางเกงในก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคไส้เลื่อนอย่างที่หลาย ๆ คนว่าไว้ เช่นนั้นแล้วเหล่าคุณผู้ชายกลุ่มนี้คงนับเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงสำคัญที่อาจเป็นโรคไส้เลื่อนอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงแน่นอน เบื้องต้นจะขอเชิญชวนผู้อ่านทุกท่านทำความรู้จักกับ “โรคไส้เลื่อน”

“โรคไส้เลื่อน” คืออะไร

“โรคไส้เลื่อน” เป็นสภาวะการเกิดความดันในช่องท้องสูง จนทำให้ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ในช่องท้องด้านหน้า ร่วมกับ ตับ ตับอ่อน ม้าม ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ โดยอวัยวะเหล่านี้จะถูกพยุงด้วยเยื่อบุช่องท้องและกล้ามเนื้อผนังหน้าท้อง หากเยื่อบุช่องท้องและกล้ามเนื้อผนังหน้าท้องมีความผิดปกติหรือมีความอ่อนแอ ก็จะทำให้ลำไส้ไหลออกมานอกช่องท้องได้ โดยจะเคลื่อนที่มาตุงบริเวณหัวหน่าวถุงอัณฑะหรือขาหนีบ กระบังลม สะดือ และไส้เลื่อนหลังผ่าตัด

อาการไส้เลื่อนเป็นภาวะที่ไม่อันตราย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้ลำไส้ทะลักออกมา ผนังของช่องท้องเกิดการรัดตัวจนทำให้ลำไส้มีภาวะขาดเลือด รวมถึงเนื้อเยื่อเกิดการติดเชื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อและเสียชีวิตได้

Advertisements

ไขข้อสงสัย "ผู้ชายไม่ใส่กางเกงในจะเป็นไรไหม" เสี่ยงเป็นไส้เลื่อนจริงหรือไม่ ข้อดีคืออะไร?

อาการของโรคไส้เลื่อน

ในระยะแรกของการเจ็บป่วยโรคไส้เลื่อน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการเจ็บปวดใด ๆ แต่จะสามารถสังเกตอาหารของโรคดังกล่างได้จากลักษณะภายนอกเป็นหลัก อาทิ มีก้อนลักษณะนูนยื่นออกมาบริเวณที่เคยผ่าตัด หรือในบริเวณขาหนีบ และหากไม่รีบไปพบแพทย์ ปล่อยให้บริเวณก้อนนูนเป็นเช่นนั้นต่อไป นานวันเข้าก็จะเริ่มมีอาการจุก เกิดความเจ็บปวด จนถึงขั้นรู้สึกแน่นท้อง ปวดแสบปวดร้อน ซึ่งถือเป็นอาการในระดับรุนแรงที่จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น

ไขข้อสงสัย "ผู้ชายไม่ใส่กางเกงในจะเป็นไรไหม" เสี่ยงเป็นไส้เลื่อนจริงหรือไม่ ข้อดีคืออะไร?

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดไส้เลื่อน

  • ผู้ที่มีความผิดปกติในบริเวณช่องท้องตั้งแต่กำเนิด
  • ผู้ที่มีอาการไอเรื้อรัง อาทิ ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง
  • โรคอ้วน รวมถึงผู้มีภาวะน้ำหนักเกิน
  • ผู้มีภาวะตั้งครรภ์
  • ผู้ที่ใช้แรงในการยกของหนักเป็นประจำ
  • ลักษณะการเบ่งอุจจาระอย่างรุนแรงเป็นประจำ มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ทีอาการท้องผูก
  • ผู้มีภาวะต่อมลูกหมากโต ซึ่งทำให้ต้องเบ่งเมื่อปัสสาวะ
  • ผู้ที่มีภาวะปัญหาเกี่ยวกับตับ ซึ่งจะมีของเหลวในช่องท้องมาก
  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • การสูบบุหรี่

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ “โรคไส้เลื่อน”

“โรคไส้เลื่อน” สามารถเกิดขึ้นกับทั้งเพศชายและเพศหญิง เพียงแต่จะพบในเพศชายมากกว่า เนื่องด้วยบริเวณขาหนีบของผู้ชายจะมีช่องถุงอัณฑะ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ไม่แข็งแรงมากนักจึงส่งผลให้เพศชายมีโอกาสเกิดไส้เลื่อนมากกว่าในเพศหญิง

ในส่วนของโรคไส้เลื่อนที่เกิดขึ้นกับเพศหญิงนั้น ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการยกของหนัก การเคยเข้ารับการผ่าตัด หรือแม้ปแต่การผ่าคลอดก็ตาม อันเป็นสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องมีภาวะอ่อนแรงจนนำไปสู่การเป็นโรคไส้เลื่อน

ดังนั้น การเกิดไส้เลื่อนนั้นจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใส่หรือไม่ใส่กางเกงในอย่างที่ผู้ชายหลายคนได้รับรู้มา เหตุเพราะโรคไส้เลื่อนสัมพันธ์กับความบางของผนังบริเวณช่องท้อง การใส่กางเกงในจึงไม่ได้มีส่วนช่วยในการป้องกันช่องท้อง หรือช่วยเสริมความแข็งแรงของบริเวณหน้าท้องแต่อย่างใด หรืออาจกล่าวได้ว่า การไม่ใส่กางเกงในไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง “โรคไส้เลื่อน”

ไขข้อสงสัย "ผู้ชายไม่ใส่กางเกงในจะเป็นไรไหม" เสี่ยงเป็นไส้เลื่อนจริงหรือไม่ ข้อดีคืออะไร?

เปิด ‘ข้อดีการไม่ใส่กางเกงใน’ ที่เหล่าคุณผู้ชายอาจจะยังไม่รู้

เรื่องจริงที่เหล่าคุณผู้ชายไม่เคยรู้ “การใส่กางเกงในส่งผลการสืบพันธุ์” ศาสตราจารย์ Eden ผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะในสหราชอาณาจักร ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกับทฤษฎีนี้ไว้ว่า ในช่วงเวลาที่ผู้ชายนอนหลับนั้นไม่ควรใส่กางเกงในเป็นอย่างยิ่ง เหตุเพราะ “การนอนเปลือย โดยปราศจากกางเกงในจะทำให้อวัยวะเพศชายได้เป็นอิสระ หลังจากต้องทนอยู่กับสภาพแออัดมาเป็นเวลานาน ซึ่งการที่อวัยวะของเหล่าคุณ ๆ ถูกจำกัดอยู่ในกางเกง อุณหภูมิของลูกอัณฑะก็จะเพิ่มสูงขึ้น

การไม่ใส่กางเกงในยามกลางคืนจึงเป็นหนทางเดียวที่อวัยวะของคุณจะได้รับอิสระ โดยที่ไม่ต้องหวาดระแวงถึงความไม่เหมาะสม อีกทั้งยังช่วยให้อุณหภูมิในบริเวณลูกอัณฑะเย็นลงอีกด้วย นอกจากนี้ศาสตราจารย์ Eden ยังได้กล่าวถึงข้อดีของการไม่ใส่กางเกงในไว้ในบทความจาก The Daily Mail ไว้ด้วยว่า “ขอแนะนำเลยว่า ให้คุณลองลดการใส่กางเกงในลงบ้าง ถ้าคุณกำลังอยากจะมีลูก”

ไขข้อสงสัย "ผู้ชายไม่ใส่กางเกงในจะเป็นไรไหม" เสี่ยงเป็นไส้เลื่อนจริงหรือไม่ ข้อดีคืออะไร?

สุดท้ายนี้ คงคลายข้อกังวลให้กับผู้ชายที่ไม่ชอบใส่กางเกงใน แล้วว่าไม่ได้เป็นอันตราย ไม่เกี่ยวกับสาเหตุของโรคไส้เลื่อนแต่อย่างใด อีกทั้งการไม่ใส่กางเกงในยังมีข้อดี ปล่อยให้อวัยวะเพศของเหล่าคุณ ๆ ได้รับอิสระบ้างก็ไม่ใช่เรื่องราวที่ก่อให้เกิดผลเสียอะไร อีกทั้งมีข้อดีอีกด้วย เพียงแต่คุณผู้ชายจำเป็นต้องคำนึงถึงความเหมาะสมเป็นสำคัญ

อ้างอิงข้อมูลจาก โรงพยาบาลยันฮี

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button