โดนอีกครั้ง! “นายพิพัฒน์ เกียรติไพบูลย์” หรือเคน “นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์” ถูกศาลตัดสิน จำคุก 13 ปี คดีพยายามฆ่า ยิงหน้าร้านนวด เหตุขัดแย้งท้าทายระหว่างดูการชกมวย
เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2566 “นายพิพัฒน์ เกียรติไพบูลย์” หรือเคน “นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์” และพวกอีก 8 คน ได้ถูกศาลอาญาธนบุรี ตัดลงโทษจำคุก เป็นระยะเวลา 13 ปี จากคีดพยายามฆ่า ยิงหน้าร้านนวด ในความผิดฐาน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน
ย้อนกลับไปในช่วงเหตุการณ์ยิงกราดหน้าร้านนวด เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. มีวัยรุ่นจับกลุ่มเพื่อรับชมการชกมวย ระหว่าง นายอิทธิพล หรือตั้ง สุจริตกุล และ นายเขมทัต หรือบุ๊ค ชัชอานนท์ โดยในเหตุการณ์ทั้งสองได้เกิดการท้าทายกัน
จึงทำให้ นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ (ชื่อเดิม นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์) ร่วมมือกับผู้ต้องหา ใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงไปที่ นายจำเรียง ตะโบะ และ นายณัฐพงษ์ คล่องบัญชี จนได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าร้านนวด ร้านสรี นวดแผนไทย ถนน ราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานครฯ
ภายหลังเหตุดังกล่าวและผ่านกระบวนการยุติธรรมมาจนถึงปัจจุบัน ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานเเล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 (เสี่ยโป้ โป้อานนท์) ในฐานความผิดพยายามฆ่า คนละ 12 ปี พร้อมความผิดฐานีอาวุธปืนในครอบครอง คนละ 1 ปี รวมจำคุกทั้งหมดคนละ 13 ปี
ทางด้านจำเลยที่ 3 ถึงจำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 7 ถึงจำเลยที่ 8 มีความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนคนละ 1 ปี และพกพาอาวุธปืนคนละ 6 เดือน รวมเป็นจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน กรณีของจำเลยที่ 5 เพิ่มโทษรวมจำคุกเป็น 1 ปี 12 เดือน ยกเว้นจำเลยที่ 6 ยกฟ้อง
ต่อมาจำเลยทุกคนยกเว้นจำเลยที่ 2 (เสี่ยโป้ เนื่องจากถูกจำคุกในคดีของศาลอื่น) ได้ทำการยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว
จากนั้นมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ศาลอาญาพิพากษาจำคุก นายเสี่ยโป้ 50 ปี ในความผิดฐานชักชวนเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน ในวงเงินมากถึง 1.7 พันล้านบาท ส่วนพรรคพวก รวม 21 คน มีอัตรารับโทษลดลงตามพฤติการณ์.
