อาการล่าสุด ‘เอส กันตพงศ์’ หมดสติกลางงาน ผจก. เผยยังคงน่าเป็นห่วง
อัปเดตอาการล่าสุดของพระเอกหนุ่ม “เอส กันตพงศ์” หลังล้มวูบ หมดสติ กลางงานอีเวนท์ เมื่อวันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2566 ผู้จัดการส่วนตัวเผยว่า อาการยังคงน่าเป็นห่วง และต้องจับตาดูแลใกล้ชิดแบบวันต่อวัน
สำหรับข่าวความคืบหน้าของ “เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์” พระเอกหนุ่มคนดังสามีของ “คิตตี้ คริสติน่า” หลังจากที่เกิดอาการวูบหมดสติ กลางงานอีเวนท์ เมื่อวันอังคารที่ 9 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา จนต้องหามตัวส่งโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิน ล่าสุดทางด้านผู้จัดการของ เอส กันตพงศ์ ได้เผยรายละเอียดในขณะนี้ว่า ตามคำบอกเล่าจากทีมงาน ตอนนี้ “เอส” กำลังรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต อาการค่อนข้างหน้าเป็นห่วง ส่วนแพทย์เจ้าของคนไข้ ก็รักษาไปตามอาการแบบวันต่อวัน
ทั้งนี้มีข้อมูลว่า เมื่อวันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2566 วันเกิดเหตุหมดสติ หนุ่ม เอส กันตพงศ์ มีกำหนดการอัดรายการอยู่แล้ว ก่อนที่จะต้องไปร่วมงานอีเวนท์ของทางช่องของทีมงาน ก่อนจะมีอาการหน้าซีด แล้ววูบหมดสติไปในเวลาต่อมา สำหรับรายละเอียดของอาการต้องให้ทีมแพทย์วินิฉัยอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปกติเรามักจะเห็นหนุ่ม “เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์” มีลักษณะร่างกายที่แข็งแรง แต่ชีวิตการงานในช่วงนี้ถาโถมโหมหนัก ทำให้ “เอส” มีเวลาในการพักผ่อนไม่เพียงพอ อีกทั้งเจ้าตัวยังต้องรับผิดชอบการทำรายการจองตัวเอง ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ประจำปี 2566 โดยมีแขกรับเชิญพิเศษที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ
อาจกล่าวได้ว่า เอส กันตพงศ์ ทุ่มเท ดูและ และควบคุมการผลิดรายการทุกระเบียบนิ้ว ทำให้เกิดความเครียดสะสม และความวิตกกังวลในหลายประเด็นนั่นเอง
ในขณะเดียวกัน “คิตตี้ คริสติน่า” ภรรยาของ “เอส กันตพงศ์” ก็ได้โพสต์ข้อความบนอินสตาแกรมส่วตัว @thekittyway ระบุว่า ข้อความว่า “Please keep us in your prayers! We can fight this teerak You are strong” (ได้โปรดช่วยกันอธิษฐานให้พวกเราด้วยฃ เราจะต้องฟันฝ่ามันให้ได้นะที่รัก คุณเป็นคนเข็มแข็งอยู่แล้ว)
นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับและชาวเน็ตเข้าไปให้กำลังใจและแสดงความคิดเห็นถึงหนุ่ม “เอส กันตพงศ์” โดยการอวยพรขอให้หายในเร็ววันและกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้หลายคนตระหนักถึงความสำคัญระหว่างการทำงานและสุขภาพร่างกายกับจิตใจ ว่าสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลกระทบของเราได้แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่หากเก็บสะสมไปเรื่อย ๆ ก็สามารถกลายเป็นปัญหาสุขภาพในภายภาคหน้าได้เช่นกัน ดังนั้น อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ.