สุขภาพและการแพทย์

รู้จัก ‘ไซยาไนด์’ (Cyanide) สารเคมีอันตราย พิษร้ายแรง ให้ทั้งประโยชน์และโทษ

กลายเป็นคดีที่สังคมจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ สำหรับเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งที่วูบหมดสติขณะปล่อยปลา นำไปสู่การสืบสวนและบุกค้นบ้านผู้ต้องสงสัย ก่อนจะพบว่าที่บ้านของผู้ต้องสงสัยมีขวด “ไซยาไนด์” ฝังดินอยู่ ซึ่งล่าสุดวันที่ 25 เมษายน 2566 ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยพร้อมของกลางคือขวดไซยาไนด์ได้แล้ว

สำหรับหลักฐานสำคัญอย่าง ไซยาไนด์ (Cyanide) หลายคนก็คงจะพอทราบกันมาบ้างแล้วว่าเป็นสารพิษอันตราย หากสิ่งมีชีวิตได้รับไซยาไนด์ในปริมาณมากก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ วันนี้เดอะไทยเกอร์จึงขอใช้โอกาสนี้พาทุกคนไปทำความรู้จักไซยาไนด์ สารอันตรายที่มีทั้งโทษและประโยชน์ พร้อมข้อแนะนำหากได้รับไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายต้องทำอย่างไร ไปติดตามอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย

‘ไซยาไนด์’ สารพิษอันตรายที่ควรระวัง

ไซยาไนด์ คืออะไร รู้ข้อมูลเบื้องต้นของสารอันตรายชนิดนี้

ไซยาไนด์ (Cyanide) คือ สารเคมีอันตรายที่มีความเป็นพิษสูงมากและออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว หากมนุษย์ได้รับไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายในปริมาณ 0.5-3.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม จะมีผลต่อร่างกายอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ โดยไซยาไนด์จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์ในร่างกายสิ่งมีชีวิต แต่ถ้าได้รับในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากสามารถขับพิษทิ้งทางปัสสาวะได้

ไซยาไนด์เป็นสารเคมีที่มีพันธะคาร์บอนไนโตรเจน (CN) เป็นสารเคมีที่มนุษย์นำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ สิ่งทอ และพลาสติก สามารถปนเปื้อนไปในอากาศ ดิน น้ำ และอาหารได้ นอกจากมนุษย์จะสามารถสังเคราะห์สารเคมีไซยาไนด์เพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมแล้ว ไซยาไนด์ก็เป็นสารเคมีที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน ซึ่งจะพบได้ในพืชบางชนิดเท่านั้น

นอกจากนี้แหล่งกำเนิดไซยาไนด์ยังสามารถเกิดได้จากกระบวนการเผาผลาญในร่างกายของมนุษย์อีกด้วย โดยไซยาไนด์ที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญนี้เองที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ส่วนไซยาไนด์ที่พบในพืชก็สามารถลดความเป็นพิษได้หลายวิธี โดยเฉพาะวิธีการให้ความร้อน หรือ การนำพืชที่มีไซยาไนด์ไปปรุงให้สุกนั่นเอง

ไซยาไนด์

รูปแบบของไซยาไนด์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต

ไซยาไนด์เป็นสารเคมีที่มีรูปแบบหลากหลายมาก เป็นได้ทั้งของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส โดยไซยาไนด์ในแต่ละรูปแบบก็จะมีแหล่งกำเนิดและอันตรายต่อร่างกายมนุษย์แตกต่างกันไป

1. โซเดียมไซยาไนด์ หรือ Sodium cyanide (NaCN)

โซเดียมไซยาไนด์ คือ สารเคมีในรูปแบบของแข็งสีขาว หรือผลึกไม่มีสี ดูดความชื้นในอากาศ พบได้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ใช้ในการเคลือบเงาหรือเคลือบสีเหล็ก และเป็นส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง สามารถเข้าสู่ร่างกายจากการสัมผัสบริเวณปากแผล การสูดดม หากรับประทานอาจเป็นพิษถึงตายได้

ทั้งนี้โซเดียมไซยาไนด์จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. โพแทสเซียมไซยาไนด์ หรือ Potassium cyanide (KCN)

โพแทสเซียมไซยาไนด์ มีสีขาว ลักษณะเป็นแกรนูลหรือเป็นผงดูดความชื้น มีกลิ่นของ bitter almond ละลายได้ดีในน้ำ ใช้ประโยชน์ในการทำความสะอาดโลหะ การชุบโลหะด้วยไฟฟ้า ใช้ในการสกัดแร่ทองและเงินออกจากสินแร่ ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสีย้อม ใช้เป็นสารกำจัดแมลง

หากโพแทสเซียมไซยาไนด์เจอกับความร้อนจะทำให้เกิดควันพิษ และเมื่อได้รับควันพิษนั้นเข้าสู่ร่างกาย จะเกิดอาการผิวหนังเป็นผื่นแดงเนื่องจากเนื้อเยื่อไม่สามารถใช้ออกซิเจนจากเลือดได้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างพลังงานและเกิดภาวะเลือดเป็นกรดแล็กติก นอกจากนี้โพแทสเซียมไซยาไนด์ก็ถูกจัดเป็นวัตถุอันตรายตามกฎหมายด้วยเช่นกัน

3. ไฮโดรเจนไซยาไนด์ หรือ Hydrogen cyanide (HCN)

ไฮโดรเจนไซยาไนด์ คือ ไซยาไนด์รูปแบบอิสระ อาจมาในรูปของของเหลว หรือแก๊สที่ไม่มีสี พบในควันจากท่อไอเสีย ควันบุหรี่ และควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อสูดดมอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาทส่วนกลาง รวมทั้งยังอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองตามผิวหนังและดวงตา

สำหรับชื่ออื่นของไฮโดรเจนไซยาไนด์ที่ใช้เรียกกันก็มี กรดไฮโดรไซยาไนด์ และ กรดปรัสซิก เป็นต้น โดยจะละลายในน้ำได้ดีและไวต่อปฏิกิริยากับตัวออกซิไดซ์ อาจระเบิดได้เมื่อถูกความร้อนหรือเปลวไฟ

4. ไซยาโนเจนคลอไรด์ หรือ Cyanogen chloride (CNCl)

ไซยาโนเจนคลอไรด์ เป็นสารเคมีที่มีลักษณะเป็นของเหลว หรือแก๊สที่ไม่มีสี มีกลิ่นฉุน และเป็นพิษอย่างรุนแรงเมื่อเผาไหม้ อาจทำให้ระคายเคืองเมื่อสูดดม จุดเดือด 13.8 องศาเซลเซียส จุดหลอมเหลว -6 องศาเซลเซียส ไม่ติดไฟ สามารถละลายได้ดีใน น้ำ แอลกอฮอล์ อีเทอร์ และสารตัวทำละลายอินทรีย์อื่น ๆ

เมื่อได้รับไซยาโนเจนคลอไรด์เข้าสู่ร่างกาย จะทำให้อ่อนแรง ปวดหัว สับสน คลื่นไส้ หรืออาเจียน ในรายที่ไม่รุนแรง ความดันโลหิตยังคงอยู่ในระดับปกติ อย่างไรก็ตามชีพจรจะเพิ่มขึ้น อัตราการหายใจจะหลากหลายตามความเข้มข้นของการสัมผัส เช่น ในรายที่สัมผัสเล็กน้อยจะหายใจเร็วขึ้น หรือช้าลง หรือมีอาการหอบหายใจทางปากในรายที่สัมผัสสารเคมีปริมาณมาก

ไซยาไนด์ อันตราย

การออกฤทธิ์ของไซยาไนด์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตมีอาการอย่างไร

เมื่อมนุษย์ได้รับไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกายในเบื้องต้นจะมีอาการระคายเคืองบริเวณที่สัมผัส (ผิวหนัง หรือ ดวงตา) รวมถึงอาการร่างกายอ่อนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ หายใจติดขัด หมดสติ และหัวใจหยุดเต้น เป็นต้น โดยความรุนแรงของอาการนั้นอาจขึ้นอยู่กับชนิดของไซยาไนด์ ปริมาณ และระยะเวลาที่ได้รับสารเคมีชนิดนี้ สำหรับผลกระทบของไซยาไนด์ที่มีต่อร่างกายจะบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. ภาวะเป็นพิษเฉียบพลัน

ภาวะเป็นพิษเฉียบพลันจากการได้รับไซยาไนด์เป็นอาการที่พบได้ยาก โดยสารพิษจะส่งผลต่อร่างกายในทันที อาจทำให้เกิดอาการ หายใจติดขัด เลือดไหลเวียนผิดปกติ ภาวะหัวใจหยุดเต้น สมองบวม ชัก หรือหมดสติ

2. ภาวะเป็นพิษเรื้อรัง

สำหรับภาวะเป็นพิษเรื้อรังนั้นเกิดจากการได้รับสารไซยาไนด์ในปริมาณเล็กน้อยเป็นระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน เบื้องต้นอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน เกิดผื่นแดง และอาจมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมา เช่น รูม่านตาขยาย ตัวเย็น อ่อนแรง หายใจช้า เป็นต้น

หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้หัวใจเต้นช้าหรือเต้นผิดปกติ ผิวหนังบริเวณใบหน้าและแขนขากลายเป็นสีม่วง โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด

ไซยาไนด์ ออกฤทธิ์

วิธีรับมือหากร่างกายสัมผัสกับไซยาไนด์

หากได้สัมผัสกับไซยาไนด์ที่เป็นสารเคมีอันตราย สิ่งที่ควรปฏิบัติในขั้นแรกคือการลดปริมาณสารพิษให้ได้มากที่สุด โดยสามารถปฏิบัติได้ตามข้อแนะนำต่อไปนี้

1. สัมผัสไซยาไนด์ผ่านผิวหนัง

หากร่างกายสัมผัสกับไซยาไนด์ให้ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนออกด้วยการใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าออกเป็นชิ้น ๆ และนำออกจากลำตัว โดยวิธีนี้จะช่วยให้เสื้อผ้าที่ปนเปื้อนสารพิษไม่ไปสัมผัสกับผิวหนังส่วนอื่น เช่น ศีรษะ

และไม่ควรให้ผู้อื่นสัมผัสร่างกายหรือเสื้อผ้าโดยตรงเพราะอาจได้รับพิษจากไซยาไนด์ไปด้วย จากนั้นจึงทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและสบู่เพื่อลดปริมาณสารพิษให้ได้มากที่สุด ก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาล

2. สูดดมไซยาไนด์เข้าร่างกาย

หากสูดดมอากาศที่มีสารไซยาไนด์ปนเปื้อนควรออกจากพื้นที่บริเวณนั้นทันที หากไม่สามารถออกจากสถานที่ได้ควรก้มต่ำลงบนพื้น ในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ ต้องทำ CPR เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้นและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ห้ามใช้วิธีเป่าปากหรือวิธีผายปอดเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับพิษ

3. สัมผัสไซยาไนด์ทางดวงตา

หากสัมผัสไซยาไนด์ผ่านทางดวงตา ควรถอดแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ออกจากดวงตาในทันที จากนั้นให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 นาที และไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจและรักษาต่อไป

4. ดื่มหรือรับประทานไซยาไนด์

หากรับประทานหรือดื่มสารเคมีไซยาไนด์เข้าสู่ร่างกาย โดยทางผู้ป่วยยังมีสติอยู่ให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมาและให้รับออกซิเจนเพิ่ม จากนั้นก็เข้ารับการรักษาตามแนวทางของแพทย์ต่อไป

ทั้งนี้ สิ่งของบางอย่างที่ปนเปื้อนสารเคมีไซยาไนด์อาจนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แต่ต้องทำความสะอาดเพื่อกำจัดสารพิษอย่างถูกวิธีก่อนนำกลับมาใช้ สำหรับคอนแทคเลนส์ หรือเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนควรเก็บใส่ถุงพลาสติกที่มิดชิดและกำจัดทิ้งอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

ไซยาไนด์ อาการ

จากข้อมูลที่กล่าวมาในเบื้องต้น จะเห็นได้ว่าไซยาไนด์เป็นสารเคมีที่มีทั้งประโยชน์และโทษ สำหรับใครที่ต้องคลุกคลีทำงานในอุตสาหกรรมที่มีการใช้สารเคมีไซยาไนด์ก็ต้องระมัดระวังตนเองไม่ให้สัมผัสกับสารพิษ หรือหากเผลอไปสัมผัสเข้าแล้วละก็ต้องรีบกำจัดสารพิษออกจากร่างกายตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญให้มากที่สุด และรีบเดินทางไปพบแพทย์โดยด่วน

ขอบคุณข้อมูลจาก : 1 2 3 4 5

Mothana

นักเขียนข่าวที่ Thaiger การศึกษาทางด้านภาษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จึงรับหน้าที่เขียนบทความไลฟ์สไตล์บันเทิง เศรษฐกิจ อยากเป็นสื่อกลางคอยขุดคุ้ยประเด็นตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงใหญ่โตมาเขียนให้ทุกคนได้อ่าน เพราะมีความเชื่อว่าสื่อที่ดีย่อมเป็นหนทางนำผู้อ่านไปสู่งานเขียนที่ดีได้ ติดต่อได้ทาง tangmo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button