ข่าวอาชญากรรม

ย้อนรอยคดี ‘ฆ่าหั่นศพ’ ในประเทศไทย เขย่าขวัญคนทั้งประเทศ

ย้อนรอยคดีฆ่าหั่นศพในประเทศไทย 5 คดีดัง ที่ยังถูกพูดถึงในปัจจุบัน ทั้งคดีหมอวิสุทธิ์ คดีนายเสริม คดีแก๊งข้ามชาติ คดีเปรี้ยว และคดีสาวเล็บแดง

หลังจากเกิดเหตุคดีสะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพแฟนสาว ซึ่งผู้ก่อเหตุคือ “นายชาญวิทย์ วงศ์สหาก” หรือ “ดอน” ที่รับสารภาพว่าลงมือฆ่า น.ส.อรนันท์ นราทร เนื่องจากฝ่ายหญิงตีตัวออกห่าง โดยฆ่าหั่นศพแยกชิ้นส่วนเป็น 7 ชิ้น ก่อนจะนำไปฝังใต้ดินริมถนนประเสริฐมนูกิจ บริเวณตอม่อทางด่วนฉลองรัช ทิศทางมุ่งหน้ารามอินทรา เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ

Advertisements

ย้อนกลับไปในอดีต ประเทศไทยต้องพบเจอกับคดีฆ่าหั่นศพสะเทือนขวัญอยู่หลายคดี โดยในวันนี้ทางเดอะไทยเกอร์จะพาทุกคนไปย้อนรอยคดีฆ่าหั่นศพในประเทศไทย 5 คดีดัง ที่ยังถูกเล่าขานกันจนถึงทุกวันนี้ จะมีคดีอะไรบ้างนั้น ติดตามอ่านกันได้เลย

5 เคสสยอง คดีฆ่าหั่นศพในไทย รักสุดวิปริต

1. คดีนายแพทย์วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ฆ่าหั่นศพภรรยา

เริ่มต้นคดีแรกกับ “คดีนายแพทย์วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ” คดีฆ่าหั่นศพภรรยาที่ถูกพูดถึงมากที่สุด และสร้างความสยดสยองให้กับคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากผู้ต้องหาใช้วิธีการอำพรางหลักฐานด้วยการแล่เนื้อชำแหละศพภรรยาตัวเอง

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 เมื่อนายแพทย์วิสุทธิ์ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจว่าภรรยาของเขา แพทย์หญิงผัสพร บุญเกษมสันติ หายตัวไป ก่อนที่ตำรวจจะสืบพบว่าคนสุดท้ายที่อยู่กับแพทย์หญิงผัสพรก็คือนายแพทย์วิสุทธิ์

ก่อนที่แพทย์หญิงผัสพรจะหายตัวไปนั้น ทั้งสองคนเดินทางไปรับประทานอาหารด้วยกัน มีภาพจากกล้องวงจรปิดจับได้ว่านายแพทย์วิสุทธิ์ประคองร่างภรรยาตนเองเดินออกมาจากร้านอาหาร โดยภายหลังพบว่าแพทย์หญิงผัสพรถูกสามีมอมยานอนหลับ ก่อนจะลงมือฆ่าภรรยาและแล่ชิ้นส่วนตามร่างกาย นำไปกระจายทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ

Advertisements

หลังจากนายแพทย์วิสุทธิ์ถูกจับกุม ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ประหารชีวิต แต่หลังจากที่ถูกคุมขังในเรือนจำ นายแพทย์วิสุทธิ์ก็ได้รับการอภัยโทษหลายครั้งเนื่องจากประพฤติตัวดี และในที่สุดก็ถูกปล่อยตัวไปด้วยระยะเวลาในการจำคุก 10 ปี 9 เดือน ซึ่งปัจจุบันนายแพทย์วิสุทธิ์ได้ออกบวชและเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ที่วัดแห่งหนึ่ง

2. คดีเสริม สาครราษฎร์ ฆ่าหั่นศพเจนจิรา

นับว่าเป็นคดีฆ่าหั่นศพที่โจษจันไม่แพ้คดีแรกกับ “คดีเสริม สาครราษฎร์” นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ที่ก่อเหตุฆ่าหั่นศพแฟนสาว “เจนจิรา พลอยองุ่นศรี” เนื่องจากปมหึงหวง โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2541 เมื่อพ่อของเหยื่อเข้าแจ้งความว่าบุตรสาวของตนเองหายตัวไป

ในเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ เสริม สาครราษฎร์ ต้องเป็นผู้ต้องสงสัยในทันที เนื่องจากเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเจนจิรา โดยช่วงแรกของการสืบสวนนั้นยังขาดพยานหลักฐานเอาผิดนายเสริม จึงทำให้ตำรวจต้องปล่อยตัวเขาไป แต่ก็ตามประกบดูพฤติกรรมไม่ห่าง

หลังจากนั้นไม่นานทางชุดสืบสวนก็ได้เบาะแสสำคัญจากเพื่อนสนิทของนายเสริมว่า ก่อนหน้านั้นนายเสริมได้แวะมาหาตนและขอล้างรถยนต์อยู่พักใหญ่ โดยนายเสริมนั้นจะเน้นทำความสะอาดที่บริเวณท้ายรถมากเป็นพิเศษ

สุดท้ายแล้วนายเสริมก็ถูกจับและยอมจำนนด้วยหลักฐานว่าเขาเป็นคนฆ่าแฟนสาวเองกับมือ โดยนายเสริมได้ลงมือชำแหละศพแฟนสาวด้วยมีดผ่าตัดก่อนจะทิ้งลงชักโครก คดีนี้ส่งผลให้นายเสริมถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่สุดท้ายแล้วก็พ้นโทษในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2555

3. คดีแก๊งปลอมพาสปอร์ตฆ่าหั่นศพยัดตู้แช่

อีกหนึ่งคดีฆ่าหั่นศพที่สะเทือนขวัญและเกิดขึ้นในประเทศไทย “คดีแก๊งปลอมพาสปอร์ตฆ่าหั่นศพยัดตู้แช่” ซึ่งเป็นคดีที่ลงมือโดย เฮอร์เบิร์ต เครก ลาฟอง หนึ่งในแก๊งปลอมพาสปอร์ตข้ามชาติ ส่วนสาเหตุการฆาตกรรมนั้นมาจากปัญหาเรื่องหนี้สิน

สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2559 โดยช่วงแรกเป็นเพียงการจับกุมแก๊งปลอมพาสปอร์ต ซึ่งหลังจากที่เข้าจับกุมได้สำเร็จ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตรวจพบว่าภายในที่พักของแก๊งข้ามชาติดังกล่าว มีศพชายชาวฮังการีถูกแช่ไว้ในตู้แช่

ทั้งนี้ศพที่เจ้าหน้าทตำรวจพบนั้นถูกหั่นเป็น 6 ชิ้น และแช่ไว้ในตู้แช่ขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมานานกว่า 7-8 ปี โดยทางตำรวจได้สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปมทวงหนี้

ทั้งนี้เบื้องต้นทางตำรวจได้แจ้งข้อห้าแก๊งปลอมพาสปอร์ต 4 ข้อหา ได้แก่ 1. ข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ 2. ข้อหาต่อสู้ขัดขวางการจับกุมฯ 3. ข้อหาความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธฯ และ 4. ข้อหามียาเสพติดประเภท 1-2 และ 5 (ยาไอซ์ ยาเคและกัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

แม้จะไม่มีการเปิดเผยถึงบทลงโทษต่อแก๊งปลอมพาสปอร์ตที่ก่อคดีในครั้งนี้ แต่หลังจากที่การสอบสวนสิ้นสุดลง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 ข้อหา คือ ซ่อนเร้นอำพรางศพ และ ปลอมแปลงเอกสารราชการ

4. คดี เปรี้ยวหั่นศพ

สำหรับคดีต่อมาที่ถูกพูดถึงไปทั่วทั้งประเทศและเป็นคดีที่เกิดขึ้นได้ไม่นานคือ “คดีเปรี่ยวหั่นศพ” เป็นคดีฆ่าหั่นศพที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2560 ซึ่งมีสาเหตุมาจากเรื่องหนี้สินและยาเสพติด โดยมีผู้พบศพหญิงสาวถูกหั่นเป็น 2 ท่อน ฝังไว้ใต้ดินในป่าบ้านโนนสง่า ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น

คดีนี้ตำรวจตรวจสอบพบว่าผู้ตายชื่อแอ๋ม อายุ 23 ปี เป็นสาวร้านคาราโอเกะ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ตำรวจตรวจสอบหลักฐานจากภาพในกล้องวงจรปิดที่ร้านคาราโอเกะ ก่อนจะออกหมายจับ เปรี่ยว เอิร์น แจ้ วศิน และเบนซ์

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ วศินถูกจับกุมได้ที่ประเทศลาว ส่วนเปรี้ยว เอิร์น และแจ้ ที่หนีไปกบดานยังประเทศเมียนมาก็ถูกทางการเมียนมาจับกุมตัวและส่งให้เจ้าที่ตำรวจในไทยดำเนินคดีต่อไป

หลังจากถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว เปรี้ยวและพวกอีก 3 คน ถูกตัดสินจำคุก 34 ปี 6 เดือน ส่วนวศินถูกเพิ่มโทษจากผู้สนับสนุนฆ่าเป็นร่วมกันฆ่า จึงถูกลงโทษจำคุก 23 ปี 4 เดือน 20 วัน

5. คดีฆ่าหั่นศพสาวเล็บแดง

ปิดท้ายกันไปด้วย “คดีฆ่าหั่นศพสาวเล็บแดง” ที่บอกเลยว่าความสะเทือนขวัญนั้นสุดจะบรรยายไม่แพ้คดีอื่น ๆ โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2557 ชาวบ้านในตำบลสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นคนพบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าใกล้กับปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในบริเวณพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งที่สำโรงเหนือ และแถวถนนสุขุมวิทสายเก่า พบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ โดยศพของเหยื่อนั้นมีลักษณะเด่นคือทาเล็บสีแดง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบก็พบว่าอวัยวะที่พบในสถานที่ต่าง ๆ มาจากคนเดียวกันคือ น.ส.สมยศ นมัสการ

ภายหลังจากที่สืบสวนคดีก็ได้รู้ว่าคนร้ายคือ นายธานี พ่อแก้ว แฟนเก่าของสมยศ โดยเหตุแห่งการฆาตกรรมสยองในครั้งนี้มาจากความหึงหวง ภายหลังจากที่พบศพของ น.ส. สมยศ ได้สามวัน ตำรวจก็ได้เข้าจับกุมตัวนายธานีทันที

ทั้งนี้นายธานีก็ได้รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง โดยหลักฐานที่ตำรวจพบหลังเข้าจับกุมคือรูปวาดของนายธานีที่วาดภาพ น.ส.สมยศ ไว้เพื่อวางแผนว่าจะชำแหละส่วนใดของศพก่อน สุดท้ายแล้วหลังถูกจับกุมตัว ศาลชั้นต้นก็ได้ตัดสินลงโทษนายธานีด้วยการให้ประหารชีวิต

Mothana

นักเขียนข่าวที่ Thaiger การศึกษาทางด้านภาษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จึงรับหน้าที่เขียนบทความไลฟ์สไตล์บันเทิง เศรษฐกิจ อยากเป็นสื่อกลางคอยขุดคุ้ยประเด็นตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงใหญ่โตมาเขียนให้ทุกคนได้อ่าน เพราะมีความเชื่อว่าสื่อที่ดีย่อมเป็นหนทางนำผู้อ่านไปสู่งานเขียนที่ดีได้ ติดต่อได้ทาง tangmo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button