‘ประยุทธ์’ ตั้งเป้า ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ผู้สูงอายุ ถึง 80% ลดติดเชื้อ-เสียชีวิต
โฆษกสำนักนายกฯ ตั้งเป้า ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ให้กับ ผู้สูงอายุ ให้ถึงร้อยละ 80 เพื่อลดการติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19
นาย ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอบคุณประชาชนที่ร่วมใจฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา ทำให้ยอดเพิ่มขึ้น เป็นการฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลเฉลี่ย 60,000 โดสต่อวัน ไม่รวมยอดการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรายงานเข้าระบบ
จากการติดตามการดำเนินงานพบว่า การใช้กลไกรพ.สต. เพื่อส่งเสริมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้มีจำนวนผู้เข้ารับวัคซีนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ลูกหลานพามาฉีดวัคซีน ณ รพ.สต. ใกล้บ้าน รวมถึงบางจังหวัดที่ใช้กลยุทธ์พาเข็มไปหาแขน และสื่อสารทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกังวลในผลข้างเคียงของวัคซีน
ทำให้พบว่าปัจจุบันการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมีความครอบคลุมถึง ร้อยละ 36 เฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุฉีดเข็มกระตุ้นครอบคลุมร้อยละ 39.4 โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ 80 เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการและการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19
“อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทยที่ขณะนี้ยังพบว่ามีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นในระดับทรงตัวสูงอยู่ในหลักหมื่น จึงเน้นย้ำให้ประชาชนทุกกลุ่มให้ความสำคัญ กับการรีบเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและประชาชนสามารถอยู่กับโควิดได้อย่างปลอดภัย และเศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลก็จะพิจารณาปรับมาตรการต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นสำคัญ
ล่าสุดจำนวนการได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 – 20 เมษายน 2565 ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 132,189,051 โดส (ซึ่งรวมยอดสะสมการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่กลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 20 เม.ย. 2565 จำนวน 2,798,727 โดส)
จำแนกเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 56,066,943 โดส วัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 50,800,451 โดส วัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 22,881,935 โดส และวัคซีนเข็มที่ 4 จำนวน 2,439,722 โดส” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว