สุขภาพและการแพทย์

พาไปรู้จัก ทำ if คืออะไร กินอะไรได้บ้าง ผอมลง ไหม มีคำตอบ

ทำ if คืออะไร เชื่อว่าจะต้องมีหลายคนที่สงสัย อยากลดน้ำหนักแต่ไม่มั่นใจ วันนี้ The Thaiger เลยจะมาพาทุกคน ไปทำความรู้จักกับ การทำ if กินอาหารแบบไหน เวลาใด ถึงจะเหมาะสม ไขข้อข้องใจ วิธีการลดน้ำหนักที่กำลังเป็นที่นิยม เป็นยังไง ไปดูกันเลย ?

ทำ if คืออะไร ทางเลือกการ ลดน้ำหนัก ไขคำตอบ วิธีการกินอาหาร ให้ผอมลง

ทำ if คืออะไร ทางเลือกการ ลดน้ำหนัก

Advertisements

ทำ if ลดความอ้วน คือ อะไร

ทำ if หรือ การกิน เพื่อลดน้ำหนักแบบ if คือ วิธีการลดน้ำหนักที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ โดยย่อมาจากคำว่า Intermitent Fasting ซึ่งเป็นวิธีการลดน้ำหนัก ด้วยการกินอาหารแบบเป็นช่วงเวลา และหยุดทานอาหารตามกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งจะมีเงื่อนไขการกำหนดเวลา และชั่วโมงการทานอาหารที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ทั้งนี้ การทำ if ให้ได้ผล จำเป็นต้องทำตามกฏเหล็ก ดังต่อไปนี้

  • งดการกินอาหารมื้อดึก
  • งดมื้ออาหารลง 1 มื้อต่อวัน
  • ทานอาหารเท่าที่ร่างกายต้องการ ภายในระยะเวลา 8 ชั่วโมง (แนะนำ)

แบ่งเวลา ทำ if กินตอนไหน บ้าง

อย่างที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้าแล้วว่า การกิน if จะมีช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยแบ่งย่อยออกได้หลายแบบ ดังนี้

Advertisements

1. Lean Gains กิน if 16/8
เริ่มแรกกันด้วย การกิน if แบบ 8 ชั่วโมง อด 16 ชั่วโมง ซึ่งเป็นวิธีการทำ if ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยสามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการจะทานได้ เช่น เริ่มทานอาหารตอน 8 โมงเช้า ก็สามารถทานได้เรื่อย ๆ ตามปกติ จนกว่าจะถึงเวลา 16.00 น. จากนั้นต้องหยุดทาน แล้วรอวันถัดไป โดยคนดังที่ใช้วิธีการลดน้ำหนักแบบนี้ ได้แก่ นิโคล คิดแมน และมิแรนด้า เคอร์

2. กิน if แบบ 18/6
นอกจากจะมีการกินแบบ 8 ชั่วโมง อด 16 ชั่วโมงแล้วนั้น อีกหนึ่งทางเลือกที่คนชอบทำกัน ก็คือการลดลงมากินแค่ 6 ชั่วโมง แล้วอดต่อเนื่อง 18 ชั่วโมง ซึ่งแม้เวลาจะต่างกันไม่เยอะ แต่การอดที่นานขึ้น จะช่วยเร่งให้ร่างกายดึงพลังงานเก่ามาใช้ได้มากขึ้นนั่นเอง

3. Fast 5 ทำ if ลดน้ำหนัก แบบ 19/5
หากใครที่อยากท้าทายตัวเองขึ้นมาอีกนิด อีกหนึ่งสูตรการลดน้ำหนักแบบ if ที่คนนิยมทำกันเยอะ ก็คือการทาน 5 ชั่วโมง อด 19 ชั่วโมง

4. Eat Stop Eat กิน if อด 24 ชั่วโมง 1 – 2 วันต่อสัปดาห์
สำหรับคนที่ชอบความโหด อยากลดน้ำหนักได้เร็ว ๆ และมีวินัยสูง ก็ต้องนี่เลย การทานแบบ Eat Stop Eat ซึ่งจะต้องอดอาหารแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 1- 2 วัน โดยวิธีนี้เหมาะกับคนที่เคยทาน if มาก่อน และต้องการเพิ่มความโหดให้ตัวเอง ไม่แนะนำให้มือใหม่ทดลอง

5. กิน if 23/1
กินน้อย แต่กินนะ กับการทำ if แบบทานอาหาร 1 ชั่วโมง อด 23 ชั่วโมง ซึ่งเป็นวิธีที่สาว ๆ หลายคนชอบใช้ เนื่องจากไม่ยุ่งยาก ทานแค่ครั้งเดียว แล้วดื่มเฉพาะน้ำเปล่าตามตลอด 23 ชั่วโมงที่เหลือ แต่หากใครไม่แกร่งพอ บอกเลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ค่อนข้างหักโหมมากทีเดียว

6. กิน if 5/2
ไปต่อกันด้วย การกินแบบ 5/2 ซึ่งก็คือ การทานปกติ 5 วัน แล้วลดอาหารอีก 2 วันลง ซึ่งจะเป็น 2 วันติดกันหรือห่างกันก็ได้

7. Warrior Diet
การกินอีกหนึ่งแบบที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม คือการกิน if ที่เรียกว่า Warrior Diet โดยวิธีนี้ จะเป็นการกินแบบ 4 ชั่วโมง อดอาหารต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง ในทุก ๆ วัน

8. ทำ if แบบ ADF (Alternate Day Fasting)
ปิดท้ายกันไปด้วย อีกหนึ่งทางเลือก ในการแบ่งเวลาทานอาหารแบบ if ก็คือ การกินแบบ ADF หรือการทาน 1 วัน อด 1 วัน สลับกันไป ซึ่งในวันที่อด สามารถทานอาหารแคลอรี่ต่ำมาก ๆ ในปริมาณเล็กน้อยได้

แบ่งเวลา ทำ if กินตอนไหน บ้าง

กิน if ทานอาหาร แบบไหน ผอมเร็ว

รู้เรื่องวิธีการกินกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาต้องมาดูกันว่า อาหารแบบไหนที่ควรกิน ในช่วงการ ลดน้ำหนัก แบบ if สำหรับคนอยากหุ่นดี โดยเราได้จัดมาให้แล้ว ดังนี้

  • ทานอาหารแบบ Low Carb High Fat (ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว)
  • ทานไขมันดีตามธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก ถั่ว งา อะโวคาโด
  • ทานโปรตีน เช่น ไข่ต้ม อกไก่
  • ทานผัก และผลไม้

กิน if ทานอาหาร แบบไหน ผอมเร็ว

ประโยชน์ การทำ if กินแล้วผอมไหม ดียังไงบ้าง
การกิน if ถือว่ามีประโยชน์ค่อนข้างเยอะ เพราะการอดอาหารแบบเป็นเวลา จะช่วยให้อินซูลินลดลง ส่งผลให้ร่างกายปล่อย Growth Hormone ออกมา ทั้งยังดึงไขมันมาใช้ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ การทำ if ยังช่วยลดไขมันในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ LDL แถมยังเพิ่มการเผาผลาญ เพิ่มความจำ ลดความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์ เพิ่มอายุขัย และสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายเรามีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วยนะ

ทำ if อันตรายไหม ใครไม่ควรทำบ้าง

การทำ if ไม่ถือว่าอันตราย เพราะมีแพทย์หลายคนที่แนะนำ แต่ไม่ควรทำแบบหักโหม หรือฝืนร่างกายตัวเอง ควรเริ่มต้นแบบพอดี ๆ โดยแนะนำให้เลือกทาน 8 ชั่วโมง อด 16 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพ ทั้งนี้ การทำ if ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยผู้ที่ไม่ควรทำ if ได้แก่

  • เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • คนที่ขาดสารอาหาร
  • สตรีตั้งครรภ์และให้นมลูก

ทำ if อันตรายไหม

จบกันไปแล้วนะคะ กับการพาไป ทำความรู้จักว่า ทำ if คืออะไร บอกเลยว่านี่ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากผอม แต่อย่าลืมนะว่า ร่างกายของเราทุกคนมีความแตกต่าง และมีขีดจำกัดที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้น ไม่ควรที่จะหักโหม และหาช่องทางที่ดีที่สุดเพื่อตัวเองด้วยนะ ?

อ้างอิง 1

เรื่อง : ชนกนันท์ สังข์เอียด

บรรณาธิการ : ทศพล ถิรเจริญสกุล

 

Lalita C.

นักเขียนคอนเทนต์ SEO แห่งทีมไทยเกอร์ไทย คลุกคลีกับการเขียนตั้งแต่สมัยเรียน ชอบการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ติดตามข่าวสารจากโลกออนไลน์ นำมาสรุป เล่าเรื่องให้เข้าใจง่าย ผ่านมุมมองน่าสนใจที่คนมักจะมองข้าม ทั้งข่าวบันเทิง บทความ งานเขียนแนวไลฟ์สไตล์ รวมถึงทุกอย่างที่อยากให้นักอ่านได้รู้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button