‘เพนกวิน’ อัพเดต อดอาหาร ประท้วงวันที่ 3
ทนายที่เข้าเยี่ยม ‘เพนกวิน’ แกนนำคณะราษฎรที่ถูกคุมขังและทำการ อดอาหาร ประท้วง ได้ฝากข้อความเปิดเผยความคืบหน้าหลัง อดอาหารได้ 3 วัน
เพจเฟซบุ๊ก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยถึงความคืบหน้าของ เพนกวิน หรือ นาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่อดอาหารเป็นวันที่ 3 เพื่อเป็นการแสดงพลังต่อต้านศาล หลังจากที่ตนไม่ได้รับการประกันตัวถึง 5 ครั้งนับตั้งแต่ถูกคุมขัง
ซึ่งทางเพจได้บรรยายสภาพร่างกายของเพนกวินว่า ” สภาพร่างกายวันนี้ไม่ได้ดูแตกต่างจากเมื่อวานที่ดูอ่อนเพลีย อิดโรย” ซึ่งเพนกวินยังได้ฝากจดหมายผ่านทนายมาด้วย โดยมีใจความว่า
“วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ผมอดอาหาร ประทังชีพด้วยเพียงน้ำ น้ำหวาน และนมเพื่อประท้วงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นและปลุกสำนึกของผู้พิพากษา การไม่มีอาหารตกถึงท้องไม่เพียงแต่ยังความทุกข์ทรมานแก่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังสร้างความปั่นป่วนขึ้นในจิตใจ แต่เมื่อคำนึงว่าความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจะเป็นประจักษ์พยานแห่งความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม จิตใจที่ว้าวุ่นก็พลันนิ่งสงบและเมื่อตระหนักว่าความทรมานนี้ไม่ได้มุ่งหมายเพียงเพื่ออิสรภาพของตัวผมแต่เพื่ออิสรภาพทางความคิดของคนไทยที่กำลังถูกระบอบเผด็จการศักดินากดขี่ครอบงำนับล้าน ๆ คน จิตใจที่นิ่งสงบแล้วนั้นก็ยังแน่วแน่ในอุดมการณ์ที่ยึดมั่น
การอดข้าวประท้วงเป็นการต่อสู้กับใจของตัวเองว่าจะยืนหยัดต่อความทุกข์ทรมานเพื่ออุดมการณ์ได้มากน้อยเพียงใด ดังคำพูดของมหาตะมะ คานธี ที่กล่าวว่า การอดอาหารประท้วงนั้นนอกจากจะเป็นการฝึกฝนจิตใจให้แกร่งกล้าเพราะได้รู้จักความยากลำบากแล้ว ยังเป็นการเผื่อแผ่ความรักให้กับทุกคนรวมถึงฝ่ายตรงข้ามของเราอีกด้วย ข้าพเจ้าก็หวังว่าการเผื่อแผ่ความรักครั้งนี้จะทำให้ผู้พิพากษาและผู้ที่ควบคุมผู้พิพากษาเหล่านั้นตื่นมโนสำนึกและกลับคืนสู่หนทางแห่งความยุติธรรมตามที่ควรจะเป็น
ผมยินดีที่จะอดข้าวเพื่อให้ข้าวทุกคำของคนที่อยู่ข้างนอกมีความหมาย เมื่อทุกคนกินข้าวแต่ละคำ ขอให้ตระหนักว่ามีคนถูกคุมขังด้วยมาตรา 112 เพียงเพราะพูดความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาผู้พิพากษาและผู้ที่ชักใยพวกเขานั้น ขอให้จดจำว่า ข้าวทุกคำที่พวกคุณกินหรือเสวย คือความขมขื่นของผู้ที่ถูกกดขี่ในกระบวนยุติธรรมที่ไม่มีความยุติธรรม ศักดินาจงพินาศประชาราษฎร์จงเจริญ”
พริษฐ์ ชิวารักษ์
แม้เพื่อนนักสู้ของเราจะถูกปิดปากด้วยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ แต่จิตใจที่ยังคงคุกรุ่นด้วยเปลวเพลิงที่พร้อมจะโหมไหม้พวกเผด็จการศักดินานั้น ยังคงฮึดสู้ แม้กำลังกายจะน้อยนิดลงทุกคราแต่กำลังใจกลับกล้าแข็ง ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านโปรดอย่าได้ยอมแพ้แก่ความยากลำบากที่เราเผชิญ จงเปลี่ยนความท้อใจเป็นกำลังให้เราคงยืนเด่นโดยท้าทายต่อพวกเผด็จการและศักดินา
ถ้าเรายังสู้แสดงว่าพวกมันยังไม่ชนะ และเราก็ยังไม่แพ้
ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ”