ป.ป.ช. แจงเอาผิด ปารีณา ไกรคุปต์ ผิดจริยธรรมร้ายแรง คดีรุกป่า
ป.ป.ช. แจง ปารีณา ไกรคุปต์ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณียึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ
วันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2564) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กับนางสาว ปารีณา ไกรคุปต์
โดยปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามที่นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 โดยระบุว่ามีรายการที่ดินตามแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท. 5) จำนวน 29 แปลง พื้นที่ประมาณ 853 – 0 – 73 ไร่ ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
โดยอาศัยพยานหลักฐานจากข้อเท็จจริงที่หน่วยงานราชการ และบุคลที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่า ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าและเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 โดยปี พ.ศ. 2536 และปี พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก. เพื่อให้ไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดิน ต่อมาปี พ.ศ. 2554 มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พื้นที่ตำบลรางบัว อ าเภอจอมบึง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน และ ส.ป.ก ได้ด าเนินการโดยปิดประกาศให้เกษตรกรผู้ถือครองที่ดินและทำประโยชน์ในที่ดินยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวทุกปี ซึ่งที่ดินดังกล่าว ส.ป.ก. และกรมป่าไม้เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการกำกับดูแลพื้นที่และมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้
จากการไต่สวนปรากฏว่า น.ส.ปารีณา ร่วมกับนายทวี ไกรคุปต์ บิดา เข้ายึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ พื้นที่จำนวน 711-2-93 ไร่ โดยมีพฤติการณ์ ดังนี้
ในปี 2546-2562 มีการขอใช้ไฟฟ้าต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจอมบึง และชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินต่อ อบต.รางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เพื่อประกอบกิจการปศุสัตว์
ในปี 2549-2556 มีการชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) ทั้ง 29 แปลง ต่อ อบต.รางบัว ซึ่งมีการกระจายการถือครองที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยชื่อบุคคลอื่นซึ่งเป็นแรงงานที่อยู่ฟาร์มไก่ของตนเองมาถือครองที่ดินในเอกสาร ภ.บ.ท.5 จากนั้นในปี 55 ได้มีการโอนกลับมาเป็นชื่อของตนเองทั้งหมด
ในปี 2557 อบต.รางบัวได้ยกเลิกการเก็บภาษีบำรุงท้องที่ดังกล่าว แต่ น.ส.ปารีณา ก็ยังคงยึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยไม่มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ และ ส.ป.ก.
ในปี 2555-2562 น.ส.ปารีณาได้มีการขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพต่อ อบต.รางบัว และใบรับรองมาตรฐานฟาร์ม “เขาสนฟาร์ม” และ “เขาสนฟาร์ม 2” บนที่ดินดังกล่าวต่อกรมปศุสัตว์ และในปี 61 ได้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด เพื่อประกอบกิจการดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 25 พ.ค. 2562 น.ส.ปารีณาได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. โดยยังคงยึดถือ ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐดังกล่าวโดยอ้างเอกสารแบบแสดงรายการที่ดินฯ (ภ.บ.ท.5) ทั้ง 29 แปลงที่ถูกยกเลิกไปแล้ว แล้วมีรายได้จากการประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่จำนวน 109,962,076.14 ต่อปี จนกระทั่งถูกตรวจสอบการครอบครอง ที่ดินจาก ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ โดยเฉพาะแจ้งให้ น.ส.ปารีณาส่งคืนที่ดินที่ครอบครองและทำประโยชน์ดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งกรมป่าไม้ได้ร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินคดีอาญาต่อ น.ส.ปารีณา ในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐเป็นพื้นที่ 711-2-93 ไร่ โดยคำนวณค่าเสียหายเป็นตัวเงิน จำนวน 36,224,791 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้วเห็นว่า การที่ น.ส.ปารีณา ในฐานะผู้แทนของประชาชนซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปราศจากความขัดกันแห่งผลประโยชน์ และต้องประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อยู่ในกรอบของจริยธรรมในการดำรงตน เคารพ ยึดถือ และปฏิบัติ ตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ซึ่งบัญญัติออกมาเพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือประโยชน์ของรัฐ มากกว่าการคำนึงถึงประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องนั้น แต่กลับไม่ยึดถือระเบียบ หลักเกณฑ์ กฎหมาย และไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย
โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเรื่องการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ หรือเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินที่มีเจตนารมณ์เพื่อต้องการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบความเดือดร้อน และลด ความเหลื่อมล้ำในฐานะของบุคคลในทางเศรษฐกิจและสังคม การครอบครอง และการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบดังกล่าว จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงซึ่ง ป.ป.ช.จะเสนอเรื่องตรงต่อศาลฎีกาภายใน 30 วันเพื่อวินิจฉัยต่อไป
ที่มา: ป.ป.ช.
- ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดปารีณา ไกรคุปต์ ผิดจริยธรรมร้ายแรง คดีรุกป่า
- กรมป่าไม้ แจ้งเอาผิด ‘เสรีพิสุทธิ์’ เหตุท่าเทียบเรือบ้านพัก รุกล้ำลำน้ำ
- ทนายอนันต์ชัย ซัด ปารีณา เจอผม นรกมีจริง
- โควิด-19 11 ก.พ. 64 ยอดป่วยทั่วโลก 107 ล้านราย