นักวิจัยชาวอังกฤษจากมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดเผยผลการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันและสร้างภูมิต้านทางเชื้อไวรัสให้กับกลุ่มอาสาสมัครหลายร้อยคนได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับหนทางการเอาชนะโควิด-19
ล่าสุด มีการยืนยันแล้วว่า วัคซีน ChAdOx1 nCoV-19 ที่ทำการทดลองเพื่อรักษาโรคโควิด-19 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้ 2 ส่วนในกลุ่มอาสาสมัครช่วงอายุระหว่าง 18-55 ปี
จากการทดลองพบว่าอาสาสมัครเกือบทุกคนที่ได้รับวัคซีนได้ผลตอบสนองที่ดีโดยวัคซีนนั้นจะเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สร้างภูมิต้านทานและทำให้เซลล์ตอบสนองต่อเชื้อไวรัสโคโรนาเพื่อจะได้กำจัดไวรัสตัวนี้ออกไปจากร่างกาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน ขั้นต่อไปจะเริ่มทดสอบในกลุ่มตัวอย่างราว 10,000 คน ทั้งในอีงกฤษ บราซิล และแอฟริกาใต้ รวมถึงทดสอบแยกในสหรัฐฯ ที่จะรับอาสาสมัครถึง 30,000 คน
มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ร่วมมือกับบริษัทแอสตราเซเนกา ในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ขึ้น โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะผลิตให้ได้ทั้งหมด 2,000 ล้านโดส และมีหลายประเทศลงนามทำข้อตกลงซื้อวัคซีนนี้แล้ว ทั้งสหรัฐฯ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ คาดว่าจะสามารถส่งมอบวัคซีนชุดแรกได้ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่กำหนด
ขณะเดียวกัน บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐก็ได้ทดลองวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นกันและผลลัพธ์ที่ได้อยู่ในเกณฑ์ดี ทางโมเดอร์นากำลังวิจัยวัคซีนอยู่ในระยะที่ 2 และในวันที่ 27 ก.ค. จะเริ่มทดลองวัคซีนระยะที่ 3 โดยมีกลุ่มอาสาสมัคร 30,000 คน อาสาร่วมทดสอบในครั้งนี้ซึ่งถือเป็นกลุ่มอาสาสมัครทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ที่มา Sanook
