สุขภาพและการแพทย์

อ.จุฬา จวกยับ! ศบค. ปั่นหัว ปชช. จนกลัวโควิดระยองเกินเหตุ

อ.จุฬา จวกยับ! ศบค. ปั่นหัว ปชช. จนกลัวโควิดระยองเกินเหตุ ย้ำ โควิดไม่ได้ติดง่ายขนาดนั้น ควรเปลี่ยนทีมดูแล เอาคนรู้จริงเข้าไปเพื่อปรับนโยบายให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

จากกรณีทหารอียิปต์ติดโควิด-19 เข้าพักและไปตามสถานที่ต่าง ๆ ใน จ.ระยอง ทำให้ผู้คนแตกตื่นจนกลายเป็นผลกระทบในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว วานนี้ นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่าเป็นการกลัวจนเกินเหตุ

Advertisements

ในโพสต์ของ อ.เจษฎา ระบุว่า การที่ผู้คนแตกตื่นกรณีทหารอียิปต์ติดโควิด-19 ที่ระยองนั้นเป็นการกลัวจนเกินเหตุเนื่องจาก ศบค.หลอกปั่นหัวให้ประชาชนเชื่อแบบนั้นมาหลายเดือน ทั้งที่จริงแล้วโรคโควิด-19 เป็นโรคที่อาศัยการคลุกคลีหรือพูดคุยใกล้ชิดกันแล้วได้รับเชื้อไวรัสผ่านทางละอองน้ำลายเป็นระยะเวลาหนึ่งและจำนวนมากพอควรจึงจะติดเชื้อได้

นอกจากนี้ยังเสนอให้เปลี่ยนคณะที่ปรึกษาทางสาธารณสุขและความมั่นคงชุดเก่าออกไป แล้วเอากลุ่มอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญเรื่อง “ระบาดวิทยา” มาดูแลแทนโดยไม่เอาคนทางด้านสภาความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพื่อปรับนโยบายการจัดการโรคโควิด-19 ใหม่ พร้อมเสนอว่า ประเทศอื่นพยายามอยู่ร่วมกับไวรัสโดยประคองให้ผู้ติดเชื้อมีจำนวนเท่าที่สาธารณสุขในประเทศรับไหวเพื่อให้สังคม เศรษฐกิจ และการศึกษาเดินหน้าต่อไปได้

“(ที่กากบาทสีส้มนี่ ไม่ได้แปลว่ามันเป็นข่าวปลอมนะครับ แต่กากบาทเพื่อบอกว่า ไม่เห็นด้วยที่จะทำกัน!)

เรื่องปิดโรงเรียนในจังหวัดระยอง รวมถึงการกักตัวคนที่มาจากจังหวัดระยอง 14 วันนั้น นับเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก ! กลัวกันจนเกินเหตุไปแล้ว … และนี่แหละคือผลลัพธ์จากการที่ ศบค. เอาแต่หลอกปั่นหัว ให้เรากลัวโรค covid-19 จนเกินเหตุ มานานนับหลายเดือน

มาตรการการดูแลควบคุมและป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุข มีวางไว้ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เน้นไปที่ผู้ติดเชื้อเป็นหลัก เช่น ถ้าพบผู้ติดเชื้อที่โรงเรียนไหน ก็ปิดโรงเรียนนั้น พบผู้ติดเชื้อที่โรงแรมไหนก็ปิดโรงแรมนั้น เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อทำความสะอาด รวมทั้งเฝ้าระวัง ว่าคนที่อยู่ในสถานที่นั้นมีใครเริ่มมีอาการคล้ายจะติดเชื้อหรือเปล่า

Advertisements

อย่าลืมว่าโรค covid19 ก็เป็นเชื้อโคโรนาไวรัสที่แพร่มากับสารคัดหลั่ง ซึ่งก็คือมาจากน้ำลายและเสมหะเป็นหลัก โดยผู้ที่มีอาการของโรคแล้วจะเป็นผู้ที่แพร่เชื้อได้ดีที่สุด ขณะที่ผู้ที่ไม่มีอาการของโรค แม้ว่าจะมีรายงานว่าแพร่เชื้อได้ แต่ความสามารถในการแพร่เขื้อก็จะน้อยกว่ามาก

ดังนั้นในกรณีของทหารอียิปต์ VIP ที่มาเดินในจังหวัดระยอง ซึ่งปรากฏภาพว่าใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา … หน้ากากอนามัยก็ทำหน้าที่ของมัน คือลดการแพร่เชื้อออกจากผู้ติดเชื้อนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว โอกาสที่เชื้อจากทหารคนนั้นจะแพร่กระจายไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นไปได้น้อยมาก

ประเด็นสำคัญ ที่ผมพูดมาหลายทีตั้งนานแล้ว คือ โรคนี้มันเป็นโรคของการคลุกคลีกัน เราต้องมีโอกาสพูดจาใกล้ชิด ได้รับเชื้อไวรัสผ่านทางละอองน้ำลายของผู้ติดเชื้อ เป็นเวลาและปริมาณมากระดับหนึ่ง ที่จะทำให้ร่างกายได้รับเชื้อไปมาก จนเราก็เป็นผู้ติดเชื้อไปเองด้วย (หรือที่เรียกว่าต้องดู viral load นั่นเอง)

ดังนั้น ถ้าถามหมอทางด้านโรคติดเชื้อ ตัวจริงๆ (ไม่ใช่พวกหมอที่อยู่ใน ศบค.) น่าจะพูดตรงกันว่า ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆเลยที่จะต้องปิดโรงเรียนโดยรอบในจังหวัด ทั้งๆที่ทหารอียิปต์คนนั้นไม่เคยไป … รวมถึงไม่จำเป็นจะต้องกักกันตัวคนที่มาจากจังหวัดระยองด้วย

พูดง่ายๆ คือ เราควรจะมุ่งไปที่ตัวผู้ติดเชื้อโดยตรงเท่านั้น ไม่ใช่กังวลและกลัวกันไปหมด จนประเทศไทยไม่ต้องทำอะไรกินกันแล้ว ( ตอนนี้ หลายคนก็ตกงานกัน จนแทบจะไม่ค่อยมีอะไรกินอยู่แล้วด้วย)

ทั้งหมดของความมั่วนี้ สาเหตุก็มาจากการที่ ศบค. และเครือข่ายสื่อโซเชียล ไปสร้างความน่ากลัวให้กับโรคโควิดจนเกินเหตุ เอาแต่มุมภาพลบ-ไอซียู-ความตาย ที่น่ากลัวมาขู่ประชาชนทุกวัน (ซึ่งจริงๆแล้วเคสที่น่ากลัวขนาดนั้น มันมีปริมาณน้อยมากๆๆๆ เมื่อเทียบกับเคสของคนที่ติดโรค แล้วก็รักษาหายได้) ยังกับเป็นผีร้าย เป็นไวรัสร้าย ที่เราแค่หายใจเอาลมหายใจคนที่ติดเชื้อเข้าไป แล้วต้องตายไปด้วย (ซึ๋งไม่จริงเลย)

ข้อเสนอผมที่มีโดยตรงต่อประยุทธ์และรัฐบาล คือเปลี่ยนคณะที่ปรึกษาทางสาธารณสุขและความมั่นคงชุดเก่า ออกไปได้แล้วครับ

เอากลุ่มอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญเรื่อง “ระบาดวิทยา” มาดูแลแทน โดยไม่เอาคนทางด้านสภาความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

รับรองได้ว่านโยบายเรื่องโรคโควิดจะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลย .. เพราะแทบไม่มีใครในโลกนี้ ที่หวังจะเอาชนะโรคไวรัสนี้ กดจำนวนผู้ติดเชื้อให้เป็น 0 ไปจนกระทั่งวัคซีนจะมาหรอก เขามีแต่หาทางอยู่ร่วมกับเชื้อโรคนี้ ในระดับที่ระบบสาธารณสุขของประเทศเขารับไหว เพื่อให้เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการศึกษาเดินหน้าต่อไปได้

ปล. อยากจะบ่นต่อ เรื่องที่ให้เด็กเรียนออนไลน์อยู่กับบ้าน (ขนาดจุฬาฯ ยังให้นิสิตเรียนออนไลน์ที่บ้านเลย) ว่านั่นก็เป็นไอเดียที่ไม่ถูกต้องจริงๆ เสียหายทางการศึกษา และเกิดปัญหาสังคมที่แต่ละบ้านด้วย แถมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตอนหลังก็บอกว่า “เด็กสามารถติดเชื้อจากผู้ใหญ่ได้ แต่การที่เด็กจะแพร่กระจายเชื้อกันเอง หรือไปหาผู้ใหญ่นั้น มีน้อยมากมากๆๆ”… แต่สงสัยจะยาวเกินแน่ๆ ไว้คราวหน้าแล้วกัน”

https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant/posts/1899471460183479?__cft__[0]=AZVk623XrT2Qt1Sll449_zWPQ_HS1B3tk-Uj9CbUS8wD6YqFKx1b6scSAczwNd2z4KXMCWucG3ICxmZ7f8zEfci5k-i66WUqxzCUaJAxYQ8ahIdZ93xZIHjVJt7FVO0bMoU&__tn__=%2CO%2CP-R

ที่มา Jessada Denduangboripant

kamon w.

จบสายภาษาแต่หนีไปทำงานด้านบริการเกือบ 2 ปี ตอนนี้กลับมาขีด ๆ เขียน ๆ อีกครั้ง พร้อมแพสชั่นในงานข่าวที่เต็มเปี่ยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button