ตม. เฝ้าระวังต่างชาติเข้าประเทศ หวั่น หลบหนีทางชายแดนธรรมชาติ
ตม. เฝ้าระวังต่างชาติเข้าประเทศ หวั่น หลบหนีทางชายแดนธรรมชาติ
วันที่ 13 ก.ค. 2563 ศบค. ชี้แจงกรณีกลุ่มนักธุรกิจชาวปากีสถานจำนวน 27 ราย เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย โดยทั้งหมดมีเอกสารรับรองการเดินทางครบถ้วน และผ่านการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนเดินทางขึ้นเครื่องบิน แต่ยังมีนักธุรกิจอีก 8 ราย ที่ขาดเอกสารจากการประสานงานระหว่างหน่วยงานภายในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม โฆษก ศบค. ยืนยันว่าไม่ใช่การลักลอบหรือหลบหนีเข้าประเทศ แต่เป็นเพียงความล่าช้าของชุดข้อมูลและการประสานงาน
สำหรับกรณีชาวต่างชาติที่หลบหนีเข้าสู่ประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เข้มงวดในการเฝ้าระวัง หากพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการตรวจคัดกรองจะมีการกักกันตัวและผลักดันออกไป พร้อมมีการสนธิกำลังระหว่างตำรวจและทหารในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อกีดกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าประเทศ ทั้งนี้ โฆษก ศบค. กล่าวว่าจำนวนตัวเลขผู้ที่ลักลอบเข้ามาจำนวนหลักพันนั้นเป็นตัวเลขสะสมของหลายเดือน ผู้ที่ลักลอบเข้ามาอยู่ในเมืองเป็นระยะเวลานานแล้วจะอยู่ในสถานที่กักกันส่วนกลาง โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ทำงานร่วมกับกรมควบคุมโรคในการตรวจหาเชื้ออย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อระหว่างที่รอการเดินทางกลับประเทศ โอกาสนี้ โฆษก ศบค. กล่าวขอให้ประชาชนทุกคนร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เขตชายแดนช่วยกันเป็นหูเป็นตาไม่ให้มีการลักลอบเข้าประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ
นอกจากนี้ โฆษก ศบค. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเดินทางมากับคณะทูตที่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย ซึ่งจากกรณีดังกล่าวได้มีการกำหนดให้บุคคลได้รับการพำนักกักกันภายใต้การควบคุมดูแลของสถานทูตที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัด อย่างไรก็ตามการใช้คอนโดเป็นสถานที่กักกันจะต้องมีการกำหนดมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพิ่มเติม ทั้งนี้ ได้มอบให้กระทรวงการต่างประเทศทำความเข้าใจกับสถานทูตเพื่อขอความร่วมมือให้การดำเนินการดังกล่าวเกิดความเรียบร้อย
ที่มา รัฐบาลไทย