ม.เกษตรเก็บเกี่ยวกัญชาชุดแรก 30 กิโลกรัม เตรียมทำยารักษาโรค
ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร เก็บเกี่ยวกัญชาล็อตแรก 30 กิโลกรัม พร้อมนำส่ง รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เพื่อผลิตยา
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ประชาสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ มก.ฉกส. KU CSC รายงานผลการดำเนินการเก็บเกี่ยวผลผลิตต้นกัญชา จากโครงการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมพืชกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งใช้เวลากว่า 5 สัปดาห์ในการเพาะปลูก เพื่อให้ได้วัตถุดิบสำคัญ 4 ส่วนคือ ดอก ใบ ก้านใบและราก จนสามารถได้ผลผลิตชุดแรก 30 กิโลกรัม โดยใบและก้านใบจะส่งต่อให้โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เพื่อนำไปผลิตเป็นยาแผนไทย
ดร.ศุภสิทธิ์ สิทธาพานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูก กล่าวว่า ใบที่ใช้เป็นใบที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ ต้องเก็บรุ่งเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น โดยจะเก็บในส่วนใบก่อน ส่วนอื่นๆ จะดำเนินการในครั้งต่อๆไป
ด้าน พญ.กัญญาภัค ศิลารักษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร กล่าวว่า จะนำวัตถุดิบกัญชาที่ได้รับจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร ในล๊อตแรกนี้ จะนำไปผลิตยา 3 ตำรับได้แก่ ส่วนใบ นำไปใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาศุขไสยาศน์ และยาแก้ลมแก้เส้น ส่วนของก้านใบ จะนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาแก้โรคจิต คาดว่าจะสามารถผลิตยาศุขไสยาศน์ได้ 4,000 ซอง ยาแก้ลมแก้เส้น 4,000 ซอง และยาแก้โรคจิตจำนวน 5,000 ซอง
จากข้อมูลสรุปโดย ดร. เจษฎา ภัทรเลอพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญสรีรวิทยาการผลิตพืชกัญชาของทีมงานมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร พืชกัญชามีการเจริญเติบโตที่ดี มีความสูงมากกว่า 1.50 เมตร หลังย้ายปลูก 1 เดือน คิดเป็นการเติบโตด้านความสูงเฉลี่ย วันละ 3 เซนติเมตร เคล็ดลับที่สำคัญมีดังนี้
1. การเพาะเมล็ดได้ดี โดยใช้วัสดุเพาะเป็นพีทมอส ซึ่งมีคุณสมบัติดูดน้ำได้ดี แต่มีความโปร่งและระบายน้ำดี และมีธาตุอาหารครบถ้วนในตัวเอง เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้ากัญชา ทำให้เมล็ดกัญชางอก และกล้าเติบโตดี
2. การย้ายปลูกในระยะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากการเพาะกล้าทำในถาดเพาะซึ่งแต่ละหลุมเพาะมีวัสดุเพาะในจำนวนจำกัด ถึงแม้วัสดุเพาะจะมีธาตุอาหารครบถ้วน แต่เมื่อต้นกล้าเติบโตขึ้นธาตุอาหารในหลุมเพาะไม่เพียงจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโตเมื่อย้ายปลูก และต้องใช้เวลานานกว่าต้นกล้าจะตั้งตัวได้ หรือเสี่ยงที่ต้นกล้าจะแคระแกร็นไม่เจริญเติบโตอีกเลย
3. การใช้วัสดุปลูกมีความโปร่งระบายน้ำดี และมีธาตุอาหารสมบูรณ์ เลือกใช้ดินผสมปุ๋ยหมัก โดยดินเป็นแหล่งของธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรอง และการใช้ปุ๋ยหมักเพื่อเป็นแหล่งของจุลธาตุ และปรับสภาพทางกายภาพให้มีความโปร่ง เนื่องกัญชาเป็นพืชไม่มีเนื้อไม้ ระบบรากไม่แข็งแรง ต้องการดินที่โปร่งระบายน้ำดี
4. การให้น้ำด้วยระบบอัตโนมัติ ให้ทีละน้อยแต่ให้บ่อยๆ ทำให้ต้นกัญชาได้รับน้ำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็รักษาระดับความชื้นของดินไม่ให้สูงเกินไป ต้นกัญชาไม่เกิดสภาวะเครียดแม้ในช่วงบ่าย จึงเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
5. การให้ปุ๋ยไปพร้อมน้ำ (Fertigation) ทำให้ต้นกัญชาได้รับปุ๋ยต่อเนื่องตลอดเวลาและเพียงพอ เนื่องจากต้นกัญชาโตเร็วมากกว่าต้นพืชทั่วๆ ไป จึงมีความต้องการธาตุอาหารมากตามไปด้วย การปลูกกัญชาในภาชนะปลูกซึ่งมีปริมาตรของวัสดุปลูกจำกัด จึงมีธาตุอาหารจำกัด การให้ปุ๋ยพร้อมกับการให้น้ำจึงช่วยเสริมให้ต้นกัญชาได้รับธาตุอาหารอย่างเพียงพอตลอดเวลา
6. การให้แสงเสริม เพิ่มจากแสงธรรมชาติ ช่วยยืดระยะเวลาในการสร้างอาหารผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เพิ่มการเติบโต และบังคับไม่ให้กัญชาออกดอกก่อนเวลา เนื่องจากกัญชาเป็นพืชวันสั้น หากได้รับแสงน้อยกว่า 12 ชม./วัน จะกระตุ้นการสร้างตาดอก เมื่อต้นกัญชาออกดอกจะนำอาหารที่สร้างได้มาสร้างดอกทำให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก
สำหรับการเก็บใบกัญชาในชุดแรกนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 04.30 น. แล้วเสร็จเวลา 06.00 น.โดยประมาณ และส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลฝั้น อาจาโร มีน้ำหนักรวม 30 กิโลกรัม จากต้นกัญชา 330 ต้น และคาดว่าจะเก็บผลผลิตได้ต่อไปในทุก 2 สัปดาห์
ภาพจาก: ประชาสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ มก.ฉกส. KU CSC
ภาพจาก: ประชาสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ มก.ฉกส. KU CSC
ภาพจาก: ประชาสัมพันธ์และวิเทศสัมพันธ์ มก.ฉกส. KU CSC